วันนี้ผม Sanzhar และ Dr.Vakhob 3 สหายมุสลิมตั้งใจไปเยี่ยมชมมัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงนิวเดลีกัน นั่นคือ “มัสยิดจามา” หรือ “Jama Masjid” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า บริเวณถนน “Netaji Subhash Marg” อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ “ป้อมแดง” หรือ “Red Fort” มัสยิดแห่งนี้เป็นหนึ่งในจำนวนมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงนิวเดลี จักรพรรดิ์ ชาห์ จะฮาน ทรงมีบัญชาให้สร้างขึ้นเมื่อระหว่างปี พ.ศ.2187– 2201 ด้วยหินอ่อนสีขาวและหินทรายแดง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 1,000,000 รูปี (ค่าเงินเมื่อเกือบ 400 ปีที่แล้ว) โดยคนงานมากกว่า 5,000 คน ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวกับที่สร้างทัช มาฮาล นั่นเองครับ
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ในราชวงศ์โมกุล ลำดับที่ 5 (พระราชโอรสของกษัตริย์อักบาร์) เสวยราชสมบัติเมื่อปี พ.ศ. 2171-2202 รวมเวลาตลอดรัชกาล 31 ปี ขณะที่จักรพรรดิ์ชาห์ จะฮาน ทรงดำเนินการสร้างมัสยิดแต่สร้างยังไม่แล้วเสร็จก็ถูกพระโอรสคือพระเจ้าออรังเซบจับคุมขังไว้ที่โดมแปดเหลี่ยมที่พระราชวังเมืองอัคราใกล้กับทัช มาฮาลเสียก่อน ในเวลาต่อมาพระเจ้าออรังเซบจึงมาดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ ใช้เวลาสร้าง 6 ปี
“มัสยิดจามา” หรือ “Jama Masjid” คำว่า "จามา" เพี้ยนมาจากคำในภาษาอาหรับว่า "ญามาอะอฺ" แปลว่า "รวมกัน" หมายถึง "การละหมาดรวมกันในวันศุกร์" ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกเสียง "มัสยิดญาแม๊ะ" มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดขนาดใหญ่ ตัวอาคารมัสยิดตั้งอยู่บนเนินเขา “โบจาลา (Bho Jala)” ทางขึ้นอยู่ด้านหน้าเป็นบันไดไปสู่เนินเขา เมื่อผ่านประตูเข้าไปก็จะพบกับมัสยิดที่มีโดมสีขาวขนาดใหญ่ 3 โดม เด่นเป็นสง่า ใต้โดมคือห้องละหมาด มี 4 หอคอย และ 2 หอสำหรับอาซาน บริเวณลานมัสยิดสามารถจุคนที่มาร่วมพิธีทางศาสนาได้ถึง 25,000 คน ส่วนบนเสาสูงยังสามารถขึ้นไปชมกรุงเดลีเก่าในมุมสูงได้อีกด้วยครับ ค่าตั๋วสำหรับขึ้นไปชมภาพมุมสูง 100 รูปี
พวกเราเดินทางถึงมัสยิดเวลาประมาณ 15.30 น. ตอนเดินผ่านประตูมีปัญหานิดหน่อยกับพวกมาเฟียเฝ้าประตู คนพวกนี้พยายามรีดไถเงินจากชาวต่างชาติเป็นเงินค่าฝากรองเท้า 300 รูปี แต่ผมสังเกตุเห็นว่า คนส่วนใหญ่ถอดรองเท้าแล้วถือเดินเข้าไปในมัสยิดด้วยตนเองไม่ต้องเสียเงินผมจึงทำเฉยไม่สนใจพร้อมกับเดินตรงไปที่ประตู ปรากฏว่าไอ้คนเฝ้าประตูมันโกรธใหญ่ตรงเข้ามาดึงแขนผม ผมไม่ยอมแล้วเดินฝ่าตรงเข้าไปในมัสยิด บอกว่ามาละหมาด มันบอกว่าต้องเสียเงิน 300 รูปีก่อน แต่ผมก็ไม่ยอม ไอ้มาเฟียก็ไม่ยอม เริ่มเข้ามามุงทำท่าจะรุม ยืนเถียงกันอยู่สักพักเริ่มมีคนมาดูมากขึ้นมันจึงจำยอมล่าถอยให้ผมกับเพื่อนเข้าไปเข้าไปในมัสยิดไม่กล้าตามมาตอแยอีก
ก่อนเดินเข้าไปในอาคารมัสยิดผมเดินไปอาบน้ำละหมาดที่บ่อน้ำใสสะอาดหน้ามัสยิดจากนั้นจึงเข้าไปละหมาด "ตะฮียะตุลมัสยิด" ในอาคารจนเสร็จ (ละหมาด "ตะฮียะตุลมัสยิด" เป็นการละหมาดสุนัตตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เพื่อเคารพให้เกียรติมัสยิด - ละหมาดรายบุคคล) 2 รอกาอัต (ก้มกราบ 2 ครั้ง) นอกเหนือจาการละหมาดตามปกติ 5 เวลา) ภายในมัสยิดมีการปูพรมหนานุ่มอย่างดีแลดูสะอาดสะอ้าน ผมนั่งคิดจินตนาการไปถึงระยะเวลาที่มันดำรงอยู่จากอดีตถึงปัจจุบัน คงมีผู้คนมาละหมาดที่นี่นับจำนวนไม่ถ้วน
ด้านข้างอาคารมัสยิดมีจุดขายตั๋วขึ้นไปชมภาพมุมสูงบนหออาซานของมัสยิด ราคาตั๋ว 100 รูปี พวกเราซื้อตั๋วคนละใบแล้วเดินไปทาง Gate1 เพื่อขึ้นไปบนหออาซาน ทางขึ้นหออาซานเป็นบันไดวนแคบๆ เวลาสวนกันต้องเบียดกันเหมือนแทบจะกอดกัน มีช่วงพักให้สวนทางกันพอหลวมๆ อยู่เป็นระยะๆ เมื่อเดินขึ้นไปถึงดาดฟ้าของมัสยิดก่อนจะเข้าไปในหออาซาน พวกเราเจออีก 1 ด่าน ถามพวกเราว่าซื้อตั๋วข้างล่างราคา 300 รูปีแล้วหรือยังถ้ายังต้องจ่ายอีก 50 รูปีจึงจะขึ้นไปบนหอได้ คราวนี้พวกเรายอมจ่าย 50 รูปีแต่โดยดีไม่อยากมีเรื่อง เมื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของหออาซาน สามารถมองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของเมืองนิวเดลีเก่า ได้อย่างชัดเจน มองเห็น "หอแดง" หรือ "Red Fort" อยู่ไม่ไกล ระหว่างเดินอยู่บนหออาซานได้พบปะทักทายนักท่องเที่ยวหลายคน สอบถามแล้วก็ได้ความว่า ไม่มีใครจะต้องเสียเงิน 300 รูปีในการเข้ามัสยิดเลย คงมีแต่ชาวต่างชาติที่หน้าตาไม่เข้าพวกเท่านั้นที่โดนรีดไถ ส่วนใครจะมาเยี่ยมชมมัสยิดแห่งนี้ก็ขอให้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะมาเจอพวกมาเฟียพวกนี้ให้ดีครับ
No comments:
Post a Comment