Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Thursday, February 11, 2016

“มัสยิดจามา” หรือ “Jama Masjid”



วันนี้ผม Sanzhar และ Dr.Vakhob 3 สหายมุสลิมตั้งใจไปเยี่ยมชมมัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงนิวเดลีกัน นั่นคือ “มัสยิดจามา” หรือ “Jama Masjid” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่า บริเวณถนน “Netaji Subhash Marg”  อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ “ป้อมแดง” หรือ “Red Fort”  มัสยิดแห่งนี้เป็นหนึ่งในจำนวนมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงนิวเดลี  จักรพรรดิ์ ชาห์ จะฮาน ทรงมีบัญชาให้สร้างขึ้นเมื่อระหว่างปี พ.ศ.2187– 2201  ด้วยหินอ่อนสีขาวและหินทรายแดง ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 1,000,000 รูปี (ค่าเงินเมื่อเกือบ 400 ปีที่แล้ว) โดยคนงานมากกว่า 5,000 คน ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์เดียวกับที่สร้างทัช มาฮาล นั่นเองครับ 



พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ในราชวงศ์โมกุล ลำดับที่ 5 (พระราชโอรสของกษัตริย์อักบาร์) เสวยราชสมบัติเมื่อปี พ.ศ. 2171-2202 รวมเวลาตลอดรัชกาล 31 ปี ขณะที่จักรพรรดิ์ชาห์ จะฮาน ทรงดำเนินการสร้างมัสยิดแต่สร้างยังไม่แล้วเสร็จก็ถูกพระโอรสคือพระเจ้าออรังเซบจับคุมขังไว้ที่โดมแปดเหลี่ยมที่พระราชวังเมืองอัคราใกล้กับทัช มาฮาลเสียก่อน ในเวลาต่อมาพระเจ้าออรังเซบจึงมาดำเนินการสร้างต่อจนแล้วเสร็จ ใช้เวลาสร้าง 6 ปี



“มัสยิดจามา” หรือ “Jama Masjid” คำว่า "จามา" เพี้ยนมาจากคำในภาษาอาหรับว่า "ญามาอะอฺ" แปลว่า "รวมกัน" หมายถึง "การละหมาดรวมกันในวันศุกร์" ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกเสียง "มัสยิดญาแม๊ะ"  มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดขนาดใหญ่ ตัวอาคารมัสยิดตั้งอยู่บนเนินเขา “โบจาลา  (Bho Jala)” ทางขึ้นอยู่ด้านหน้าเป็นบันไดไปสู่เนินเขา  เมื่อผ่านประตูเข้าไปก็จะพบกับมัสยิดที่มีโดมสีขาวขนาดใหญ่  3  โดม เด่นเป็นสง่า ใต้โดมคือห้องละหมาด มี 4 หอคอย และ 2 หอสำหรับอาซาน บริเวณลานมัสยิดสามารถจุคนที่มาร่วมพิธีทางศาสนาได้ถึง  25,000  คน ส่วนบนเสาสูงยังสามารถขึ้นไปชมกรุงเดลีเก่าในมุมสูงได้อีกด้วยครับ ค่าตั๋วสำหรับขึ้นไปชมภาพมุมสูง 100 รูปี



พวกเราเดินทางถึงมัสยิดเวลาประมาณ 15.30 น. ตอนเดินผ่านประตูมีปัญหานิดหน่อยกับพวกมาเฟียเฝ้าประตู คนพวกนี้พยายามรีดไถเงินจากชาวต่างชาติเป็นเงินค่าฝากรองเท้า 300 รูปี แต่ผมสังเกตุเห็นว่า คนส่วนใหญ่ถอดรองเท้าแล้วถือเดินเข้าไปในมัสยิดด้วยตนเองไม่ต้องเสียเงินผมจึงทำเฉยไม่สนใจพร้อมกับเดินตรงไปที่ประตู ปรากฏว่าไอ้คนเฝ้าประตูมันโกรธใหญ่ตรงเข้ามาดึงแขนผม ผมไม่ยอมแล้วเดินฝ่าตรงเข้าไปในมัสยิด บอกว่ามาละหมาด มันบอกว่าต้องเสียเงิน 300 รูปีก่อน แต่ผมก็ไม่ยอม ไอ้มาเฟียก็ไม่ยอม เริ่มเข้ามามุงทำท่าจะรุม ยืนเถียงกันอยู่สักพักเริ่มมีคนมาดูมากขึ้นมันจึงจำยอมล่าถอยให้ผมกับเพื่อนเข้าไปเข้าไปในมัสยิดไม่กล้าตามมาตอแยอีก



ก่อนเดินเข้าไปในอาคารมัสยิดผมเดินไปอาบน้ำละหมาดที่บ่อน้ำใสสะอาดหน้ามัสยิดจากนั้นจึงเข้าไปละหมาด "ตะฮียะตุลมัสยิด" ในอาคารจนเสร็จ (ละหมาด "ตะฮียะตุลมัสยิด" เป็นการละหมาดสุนัตตามแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เพื่อเคารพให้เกียรติมัสยิด - ละหมาดรายบุคคล) 2 รอกาอัต (ก้มกราบ 2 ครั้ง) นอกเหนือจาการละหมาดตามปกติ 5 เวลา) ภายในมัสยิดมีการปูพรมหนานุ่มอย่างดีแลดูสะอาดสะอ้าน ผมนั่งคิดจินตนาการไปถึงระยะเวลาที่มันดำรงอยู่จากอดีตถึงปัจจุบัน คงมีผู้คนมาละหมาดที่นี่นับจำนวนไม่ถ้วน


ด้านข้างอาคารมัสยิดมีจุดขายตั๋วขึ้นไปชมภาพมุมสูงบนหออาซานของมัสยิด ราคาตั๋ว 100 รูปี พวกเราซื้อตั๋วคนละใบแล้วเดินไปทาง Gate1 เพื่อขึ้นไปบนหออาซาน ทางขึ้นหออาซานเป็นบันไดวนแคบๆ เวลาสวนกันต้องเบียดกันเหมือนแทบจะกอดกัน มีช่วงพักให้สวนทางกันพอหลวมๆ อยู่เป็นระยะๆ  เมื่อเดินขึ้นไปถึงดาดฟ้าของมัสยิดก่อนจะเข้าไปในหออาซาน พวกเราเจออีก 1 ด่าน ถามพวกเราว่าซื้อตั๋วข้างล่างราคา 300 รูปีแล้วหรือยังถ้ายังต้องจ่ายอีก 50 รูปีจึงจะขึ้นไปบนหอได้ คราวนี้พวกเรายอมจ่าย 50 รูปีแต่โดยดีไม่อยากมีเรื่อง เมื่อขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของหออาซาน สามารถมองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของเมืองนิวเดลีเก่า ได้อย่างชัดเจน มองเห็น "หอแดง" หรือ "Red Fort" อยู่ไม่ไกล ระหว่างเดินอยู่บนหออาซานได้พบปะทักทายนักท่องเที่ยวหลายคน สอบถามแล้วก็ได้ความว่า ไม่มีใครจะต้องเสียเงิน 300 รูปีในการเข้ามัสยิดเลย คงมีแต่ชาวต่างชาติที่หน้าตาไม่เข้าพวกเท่านั้นที่โดนรีดไถ ส่วนใครจะมาเยี่ยมชมมัสยิดแห่งนี้ก็ขอให้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะมาเจอพวกมาเฟียพวกนี้ให้ดีครับ

No comments:

Post a Comment

RevolverMap