Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Tuesday, February 9, 2016

“Gurudwara Bangla Sahib”


วันนี้เราไปเยี่ยมชมวัดในศาสนาซิกข์ "Gurudwara Bangla Sahib” กันครับ  สำหรับ Gurudwara Bangla Sahib” เป็นวัดของชาวซิกข์ตั้งอยู่ในกรุงนิวเดลลี อยู่ใกล้แหล่ง Shopping ย่าน “Connaught Place” และตลาด “Palika Bazaar”  นี่เอง ตามข้อมูลบอกว่าสร้างขึ้นเมื่อปี 1664 บูรณะครั้งแรกในปี 1783 และครั้งล่าสุดเมื่อปี 1947 เดิมวัดซิกข์แห่งนี้เป็นที่พักของ "Raja Jai Singh" นายทหารคนสำคัญในสมัยกษัตริย์ออรังเซป ต่อมาได้ให้ความช่วยเหลือ "Guru Sri Harkishan" ซึ่งถูกใส่ร้ายจากพี่ชาย "Baba Ram Rai" และในระหว่างที่พักที่ Delhi นี้ ท่านได้ให้ความช่วยเหลือประชาชน รักษาผู้คนจนมีชื่อเสียงไปทั่วเมือง




จุดเด่นของวัดนี้คือ สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ทั้งปูพื้น ซุ้มประตู ผนังวิหาร ปูด้วยหินอ่อนอย่างประณีต ซุ้มประตูตกแต่งด้วยศิลปะที่เรียกว่า อินเลย์ (Inlay) คือการฝังหินสีและอัญมณีลงไปในแผ่นหินอ่อนอย่างวิจิตรบรรจง ส่วนของหลังคาโดม ตามผนังและตามอาคารที่มีสีทองมีการนำทองคำจริงๆ มาหุ้มไว้ พิจารณาแล้วน่าจะหนักหลายอยู่ครับ ส่วนด้านข้างวิหารมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือสระน้ำอมฤตไว้สำหรับชำระล้างบาปและเป็นสิริมงคล ชาวซิกข์เชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธ์สามารถรักษาโรคได้ แต่ช่วงที่ผมกับเพื่อนไปเยี่ยมชมครั้งนี้ บ่อน้ำที่ว่าและอาคารรอบๆ อยู่ในระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม ช่วงนี้จึงอาจมีอุปกรณ์วัสดุก่อสร้างขวางหูขวางตา




ก่อนที่จะเดินเข้าไปภายในวัดต้องถอดรองเท้าก่อนแล้วฝากไว้ที่จุดบริการรับฝากรองเท้า ถุงเท้าก็ต้องถอดออกด้วยนะครับ ที่จุดบริการรับฝากรองเท้า ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นอาสาสมัคร เข้าคิวมาทำหน้าที่ให้บริการรับฝากรองเท้า อาสาสมัครเหล่านี้เมื่อถึงคิวตัวเองก็จะเข้ามายกมือไหว้พวกเราจากนั้นจึงเอื้อมมือมารับรองเท้าเราไปเก็บ ผมยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน (แต่ตอนขากลับมารับรองเท้า ผมชิงยกมือไหว้ก่อนเลย) จากนั้นต้องล้างมือล้างเท้าก่อนและต้องเอาผ้าโพกศรีษะ ทั้งหญิงและชาย ซึ่งทางวัดได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ สิ่งสำคัญห้ามนำบุหรี่และอุปกรณ์อันตรายต่างๆ เข้าไปวัดเด็ดขาด ภายในวัดมีการทำทานเลี้ยงอาหารเครื่องดื่มจาย (ชานม) แด่ผู้ที่เข้ามาเยือนที่วัด 


พวกเราเข้าไปภายในวิหารหาที่นั่งเป็นมุมสงบมุมหนึ่ง ห่างจากพิธีพอสมควร นั่งดูการสวดมนต์อยู่ห่างๆ ดูเหตุการณ์เก็บข้อมูล ดูอากัปกิริยาคนรอบข้าง อยู่ประมาณ 40 นาที บรรยากาศคล้ายๆ ศาสนาอิสลามผสมกับฮินดู


 จนอาทิตย์ลับขอบฟ้าจึงพากันออกมาข้างนอก เดินถ่ายรูปรอบๆ เดินดูบรรยากาศภายในวัดในยามค่ำคืนอีกสักพักจึงกลับออกมา ครั้งแรกในชีวิตครับที่ได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมวัดซิกข์

No comments:

Post a Comment

RevolverMap