เหมืองทอง Sovereign Hill ที่เมือง Ballarat, Captain cooks' cottage at the Fitzroy gardens, อนุสรณ์สถาน (War Memorial) Melbourne, ไปดูการจุดไฟริมแม่น้ำ Yarra
วันศุกร์ที่ 23 พ.ค. 2551
วัน หลัง ๆ ของการทัศนศึกษาดูงาน ตารางเวลาการเดินทางมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพราะกำหนดการภารกิจในการทัศนศึกษาดูงานที่มีลักษณะเป็นทางการต่าง ๆ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยไปตั้งแต่วันแรก ๆ ของการเดินทาง หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ล้อหมุนออกเดินทางเวลา 09.30 น. เป้าหมายแรกของการเดินทางในวันนี้จะไปชมเหมืองทองเก่า “Sovereign Hill” เมือง Ballarat รัฐ Victoria ซึ่งเคยรุ่งเรืองในอดีต
เมือง Ballarat | เมือง Ballarat |
ถึงแล้ว Sovereign Hill | ก่อนเข้า Sovereign Hill |
เมือง Ballarat เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ Victoria เคยรุ่งเรืองในยุคตื่นทองช่วงประมาณปี 1851 (ราว พ.ศ.2394) เมื่อคลื่นมนุษย์นักขุดทองนับหมื่นรายต่างหลั่งไหลเข้ามาแสวงหาขุมทองคำ ซึ่งปัจจุบันยังคงสภาพร่องรอยของความเป็นเมืองที่เคยได้รับขนานนามว่า “ร่ำรวยที่สุด” ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่องลักษณะคุ้นตาเหมือนกับที่เราเห็นในหนังเคาบอย และเหมืองทองเก่าที่เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของเมือง Ballarat ในอดีต
ภายในห้องจัดนิทรรศการ Sovereign Hill | หุ่นจำลองก้อนทองคำที่ใหญ่ที่สุดที่ขุดพบ |
พอเดินพ้นออกมาจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและห้องจัดนิทรรศการ ก็พบกับเมือง Sovereign Hill ซึ่งเคยรุ่งโรจน์ในอดีต ทางการของที่นี่อนุรักษ์ไว้ได้อย่างดีเยี่ยมครับ
อาคารบ้านพักของ คนงานแสดงให้เห็นสภาพการใช้ชีวิตของคนงาน ร้านอาหารแบบดั้งเดิม ร้านค้า แหล่งบันเทิง ร้านขายรองเท้ารถม้าและโรงภาพยนตร์สมัยเก่า นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้เห็นการจำลองชีวิตของผู้คนในเหมืองทองสมัยนั้นได้ อย่างครบถ้วน ได้พบและสัมผัสกับการร่อนทองคำ ชมสาธิตการขุดทอง ทำให้ทราบถึงสภาพของการตั้งอาณานิคมยุคแรก ๆ ของออสเตรเลีย
ภายใน Sovereign Hill | ภายใน Sovereign Hill |
รถม้าแบบเก่าที่อนุรักษ์ไว้ | ที่ทำการไปรษณีย์ ส่ง Postcard ได้ที่นี่ |
ผมมองตึกรามบ้านช่องสภาพเก่า ก็อดที่จะจินตนาการมองย้อนกลับไปถึงสภาพบ้านเมืองในยุคตื่นทองขณะนั้นไม่ ได้ คงจะมีแรงงานจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะคนจีนที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลหอบเสื่อ ผืนหมอนใบมาเป็นคนงานในเหมืองทอง ต้องทนทุกข์ตกระกำลำบาก กัดฟัน ต่อสู้ชีวิต ผู้คนแออัดยัดเยียด กระเสือกกระสนทำงานหนักมาร่อนทองที่นี่เพื่อแลกค่าแรงส่งกลับไปให้คนข้าง หลัง
บริเวณสายแร่ทองคำ | นักท่องเที่ยวกำลังทดลองร่อนหาทองกัน |
ไฮไลท์ของที่นี่ ก็น่าจะเป็นบริเวณลำธารเล็ก ๆ สายแร่ทองคำที่ให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองร่อนทองกัน วิธีร่อนทองก็ไม่ยากครับ ใช้จอบตักกรวดทรายในลำธารใส่ลงบนกระทะแบนที่วางอยู่บริเวณนั้น จากนั้นใช้มือร่อนกระทะแล้วพยายามเอาก้อนหินและทรายออก ร่อนไปเรื่อย ๆ ปรกติทองจะมีน้ำหนักมากกว่า ก็จะอยู่นอนอยู่ก้นกระทะ ต้องสังเกตที่ก้นกระทะเพราะทองจะเป็นเศษชิ้นเล็ก ๆ (เล็กมากครับ) ผมลองร่อนแล้วแต่ก็ไม่เจอ เห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นั่งทดลองร่อนทองอยู่ข้าง ๆ ผมส่งเสียงฮือฮากันใหญ่ ฟังไม่ออกหรอกครับ แต่แสดงอาการเหมือนกับว่าเจอทองเข้าแล้วเลยตื่นเต้นกัน แฮ่ ๆ สนุกดี.. ^^
เด็ก ๆ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าย้อนยุค
ผมสังเกตเห็นอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ เด็ก ๆ และเยาวชนชาวออสซี่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าย้อนยุคมาทัศนศึกษากันพร้อมหน้าพร้อม ตาเข้ากับบรรยากาศของ Sovereign Hill ดีจัง ไกด์อธิบายให้ทราบว่าที่นี่มีการทำสัญญากับโรงเรียนในเมือง ให้เด็กนักเรียนมาเรียนหนังสือกันที่นี่โดยต้องแต่งกายชุดนักเรียนในสมัยยุค ตื่นทอง และมีการเรียนการสอนจริงในห้องเรียน พูดให้ง่าย ๆ เข้าก็คือให้เด็ก ๆ มาเรียนนอกสถานที่กันในบางวิชานั่นเองครับ เป็นกุศโลบายที่ดีมาก ๆ ครับถือเป็นการปลูกฝังให้เยาวชนรักและภาคภูมิใจในความเป็น “ชาติ” ได้อย่างน่ารักทีเดียว รัฐบาลไทยน่าจะลองศึกษาแล้วนำมาประยุกต์ใช้กับแหล่งโบราณสถานต่าง ๆ ในบ้านเราซึ่งมีหลากหลายกว่าใน Australia ดูบ้างนะครับ
ช่วงบ่าย ราว ๆ 4 โมงเย็น พวกเราเดินทางกลับเข้าไปที่ Melbourne เพื่อเข้าเยี่ยมชม “Shrine of Remembrance” อนุสรณ์สถานทางทหารของเมือง Melbourne เนื่องจากคนออสซี่ให้ความสำคัญกับวีรบุรุษสงครามของตนมาก จึงได้สร้าง “Shrine of Remembrance” เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเหล่าทหารหาญ 114,000 นายที่เสียชีวิตในสมรภูมิรบนับแต่สงครามระหว่างปี 1914 - 1918 ทั้งในออสเตรเลีย และที่เสียชีวิตในต่างแดน
ความยิ่งใหญ่ของ “Shrine of Remembrance”
“Eternal Frame” ข้างหลังซ้ายมือผม ไกล ๆ
“Shrine of Remembrance” เป็นอนุสรณ์สถานทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ Victoria ตั้งอยู่บนเนินหญ้าสีเขียวสดสลับเหลืองของดอกเดซี่ บริเวณด้านหน้าซ้ายมือของตัวอาคารอนุสรณ์สถานมีกระถางคบเพลิงขนาดใหญ่ที่ ชื่อว่า “Eternal Frame” (ชื่อเหมือนเพลงโปรดผมเลย^^) เป็นเปลวไฟที่ไม่มีวันดับมอด เนื่องจากไฟจะถูกจุดไว้ตลอด 24 ชั่งโมง ทั้ง 365 วันของ 1 ปี คงจะสื่อความหมายถึงดวงวิญญาณอมตะของเหล่าทหารหาญทุกนายที่ยอมสละชีพเพื่อ ประเทศชาติจะยังคงสถิตย์อยู่ในหัวใจของประชาชนทุกคนตราบกัลปาวสาน (ผมคิดเล่น ๆ ของผมเองนะครับ ^^)
ปิดท้ายสำหรับวันนี้ ด้วยการเดินทางไปชม “Cook’s Cottage” หรือ “กระท่อมกัปตันคุก” ในสวนฟิตซ์รอย หรือ “Fitzroy Garden”
Melbourne เมืองหลวงของรัฐ Victoria นอกจากจะมีสภาพอากาศที่แปรปรวน มีหลากหลายฤดูในหนึ่งวัน ทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางศิลปวัฒนธรรม หรือ “นครแห่งศิลปะ” และได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดของ Australia แล้ว Melbourne ยังมีเสน่ห์น่าค้นหาอีกหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเมืองสีเขียวที่ให้ความสำคัญกับสวนและพืชพรรณไม้ จนเคยได้รับเลือกให้เป็นเมืองน่าอยู่ติดอันดับต้น ๆ ของโลกอีกด้วยครับ
Fitzroy Garden เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของ Melbourne ตั้งอยู่ที่บริเวณ Lansdowner Street ภายในสวนแห่งนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณไม้ร่มรื่นและดอกไม้นานาพันธุ์ที่ออกดอก สวยสะพรั่งตามฤดูกาล คนออสซี่นิยมมาเที่ยวพักผ่อนกันเพราะมีบรรยากาศธรรมชาติที่ร่มรื่นสงบเงียบ มาก ๆ ครับ
ภายใน Fitzroy Garden มี “Cook’s Cottage” หรือ “กระท่อมกัปตันคุก” ตั้งอยู่ภายในสวนเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ กัปตันเจมส์ คุก ผู้บุกเบิกทวีปออสเตรเลียในสมัยก่อตั้งอาณานิคม เดิมทีกระท่อมหลังนี้ตั้งอยู่ที่เมือง Yorkshire ประเทศอังกฤษครับ ตัวบ้านเป็นบ้านเก่าที่สร้างในปี ค.ศ. 1755 รัฐบาลอังกฤษมอบให้เป็นของขวัญแด่รัฐบาลออสเตรเลีย รื้อออกมาเป็นส่วน ๆ ส่งลงเรือแล้วย้ายนำมาประกอบติดตั้งใหม่ไว้ในสวนแห่งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวาระเมือง Melbourne ครบรอบ 100 ปี ภายในบ้านจำลองบรรยากาศเหมือนเมื่อสมัยกัปตันคุกยังมีชีวิตอยู่ เปิดให้เข้าชมทุกวัน 0900-17.00 น. |
“Cook’s Cottage” ในสวน Fitzroy
“Cook’s Cottage” ระยะใกล้ครับ..
ภายใน “Cook’s Cottage” | ห้องนอนกัปตันคุก |
18.30 น. ไปรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ภัตตาคาร Shark Finn Inn (อาหารจีนตามเคย เริ่มรู้สึกหน้าเหมือนคนจีนเข้าทุกที) มื้อนี้พิเศษหน่อยมีหูฉลามด้วย หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ พวกเราในกลุ่มนัดกันไว้ว่าจะเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ Yarra ไปดูการจุดลูกไฟดวงใหญ่ริมแม่น้ำใกล้ ๆ กับสถานกาสิโน “Crown” เวลาประมาณ 21.00 น. (เพื่อน ๆ หลายคนมาถึง Melbourne คงได้มีโอกาสมาเสียเงินกันที่นี่ แต่สำหรับผมวันนี้ขอบายครับ จะไปดูการจุดลูกไฟอย่างเดียว) ก่อนที่จะถึงเวลา 21.00 น. มีเวลาอีกเหลือเฟือ “Zaid” ไม่รู้หายไปไหน ผมกับ “พี่จ๊วต” เลยออกไปเดินเล่นเรื่อยเปื่อยไม่ไกลจากโรงแรมนัก เดินเข้าออกตามอาคารต่าง ๆ ทั้งห้างสรรพสินค้าในละแวกโรงแรมที่พัก สถานีรถไฟใต้ดิน ฯลฯ ได้เห็นวิถีชีวิตผู้คนยามค่ำคืน เพลินดีครับ
มื้อค่ำที่ภัตตาคาร Shark Finn Inn | ท้องถนนเมือง Melbourne ยามราตรี |
Flinders Street Station | รถม้าให้บริการนักท่องเที่ยว |
Flinders Street Station เป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่และเก่าแก่แห่งหนึ่งของ Melbourne ตั้งอยู่บริเวณ Flinders Street คล้าย ๆ กับสถานีรถไฟหัวลำโพงในบ้านเรา ที่นี่จะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตั้งอยู่ตรงบริเวณสี่แยกและยังมี ลานกว้างไว้เป็นจุดนัดพบของบรรดาทัวร์ต่าง ๆ ด้วย
ในห้างสรรพสินค้า จำไม่ได้แล้วว่าห้างอะไร | รถรางวิ่งให้บริการ |
เวลาประมาณ 21.00 น. ผมเดินกลับมาถึงที่โรงแรมตามที่นัดกันไว้เนื่องจากจะมีการจุดลูกไฟออกจากท่อ ข้าง ๆ แม่น้ำตลอดทั้งแนวทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงจนถึงเที่ยงคืน พอถึงเวลานัดพวกเราทยอยเดินไปเป็นกลุ่ม ๆ จนถึงบริเวณดังกล่าวราว 4 ทุ่มพอดี เห็นลูกไฟลูกแรกพุ่งสว่างวาบออกมาจากท่อขึ้นไปกลางอากาศให้พวกเราได้ ตื่นเต้นฮือฮากัน
ลูกไฟลูกแรกพุ่งออกมาจากท่อ | ลูกไฟขยายตัวใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น |
ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ | สร้างความสว่างไสวและอบอุ่นทั่วบริเวณ |
ลูกไฟลูกใหญ่ถูกพ่นออกมาจากท่อความสูงเท่ากับตึกสองชั้น ก่อนค่อย ๆ ขยายตัวเป็นลูกใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น ในอากาศ ความร้อนของเปลวไฟส่งผลให้พวกเราที่อยู่ใกล้ ๆ รู้สึกร้อนวูบวาบเป็นครั้งคราวตลอดการแสดง เห็นแล้วรู้สึกประทับใจไม่น้อย อากาศหนาว ๆ แบบนี้มีลูกไฟดวงใหญ่ลอยขึ้นมาทำให้คลายหนาวลงไปได้เยอะเลยครับ
เสร็จจากชมการจุดลูกไฟริมแม่น้ำ Yarra พี่ ๆ เพื่อน ๆ หลายคนคงรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยากเสียเงินเต็มที หลายคนเลยพากันเข้าไปเสี่ยงโชคต่อในสถานกาสิโน “Crown” ซึ่งอยู่ในละแวกใกล้ ๆ กัน ส่วนผมกับ Zaid ขอบาย เดินกลับที่พักครับ
No comments:
Post a Comment