Land Command Head Quarter, Sydney Opera House สะพาน Harbour Bridge, Koala Park Sanctuary, ช็อปปิ้งย่าน Queen Victoria Building
วันพุธที่ 21 พ.ค. 2551
เช้าวันนี้ พวกเรามีกำหนดการเข้าเยี่ยมชมกิจการ Land Command Head Quarter หรือ “กองบัญชาการกองกำลังภาคพื้น” และ Training Command ซึ่งน่าจะหมายถึง ร.ร.เสนาธิการทหาร แต่ก่อนที่จะเดินทางไปยัง Land Command HQ. นั้น ยังพอมีเวลาเหลืออยู่พอสมควร โชเฟอร์และไกด์ผู้น่ารักและใจดีของเรา ได้พาพวกเราไปชมความงามของ Sydney Opera House และ สะพาน Harbour Bridge ก่อนเพื่อใช้เวลาให้คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งปลูกสร้างทั้งสองถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลียเลยทีเดียว
Sydney Opera House | สะพาน Harbour Bridge |
Sydney Opera House เป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัย โดดเด่นด้วยหลังคารูปเรือซ้อนเล่นลมอันเป็นเอกลักษณ์ ออกแบบโดย Jorn Utzon สถาปนิกชาวเดนมาร์ค งบประมาณก่อสร้างกว่า 100 ล้านเหรียญ ระยะเวลาก่อสร้างนานถึง 14 ปี ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น สิ่งอัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลกยุคใหม่ ซึ่งจัดขึ้นโดย The New Open World Corporation (NOWC) ผลสรุปสุดท้ายประกาศเมื่อ 7 ก.ค. 2550 ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส Sydney Opera House ได้รับการเสนอชื่อเป็นสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 14 แห่งที่ได้รับคัดเลือกในรอบสุดท้าย ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการสร้างสรรค์ (Abstraction, Creativity) ตั้งอยู่เคียงคู่กันกับ สะพาน Harbour Bridge
Sydney Opera House เคียงคู่กับ สะพาน Harbour Bridge
สำหรับ Land Command HQ. หรือ “กองบัญชาการกองกำลังภาคพื้น” ถ้าจะเปรียบเทียบกับประเทศไทยแล้วก็คือ “กองทัพบก” นั่นเอง เมื่อเดินทางไปถึง Land Command HQ. ความรู้สึกแรกที่เห็น “นี่หรือกองทัพบก ?” ธรรมดามาก ๆ มองดูไม่เหมือนหน่วยทหารเลย แลดูเหงา ๆ ไม่ยิ่งใหญ่สมกับเป็น “กองทัพบก” ต่างจาก “กองทัพบก” ของไทยเรา ซึ่งตั้งอยู่ที่ ร.ร.จปร.เก่า บริเวณถนนราชดำเนิน ที่แลดูอลังการยิ่งใหญ่ ขลัง เข้มงวด เวลาเข้าออกทีกว่าจะผ่านด่านตรวจแต่ละด่านเข้าไปได้ ก็ต้องหยุดตอบคำถามด่านตรวจหลายครั้ง และที่สำคัญ ที่ Land Command HQ.ไม่มีทหารเดินเพ่นพ่านให้เห็น แปลกดีเหมือนกันครับ
ขณะเดินเข้าภายในบริเวณ Land Command HQ. | ภายในบริเวณ Land Command HQ. |
ธงค์ไตรรงค์ประดับอยู่บนยอดเสา
เมื่อเดินไปถึงบริเวณด้านหน้าอาคารทรงยุโรปสองชั้น มีเสาธงประดับธงชาติสีแดงขาวน้ำเงินเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าอาคาร คาดว่าคงเป็นตึกกองบัญชาการ มองผ่าน ๆ แวบแรกยังดูไม่ออก มองไปมองมาดูคุ้น ๆ เอ๊ะ..! นั่นมันธงไตรรงค์ของประเทศไทยนี่นา ใช่แล้ว! ธงไตรรงค์ เข้าใจว่า เจ้าของสถานที่คงประดับธงไตรรงค์ไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่คณะนายทหาร นายตำรวจนักเรียนจากประเทศไทยนั่นเอง
ถึงห้องประชุมและรับรองของ Land Command HQ. เป็นห้องเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 60 คน ที่พื้นปูพรมสีแดง มีจอสำหรับฉายโปรเจคเตอร์อยู่ที่ผนังหน้าห้อง นายทหารยศระดับพันโท - พันเอกมาให้การต้อนรับ 2 คน (มีแค่นี้จริง ๆ ครับ ไม่ค่อยจะอบอุ่นเลยครับ ไม่ประทับใจ) นายทหาร 2 นาย บรรยายสรุปภารกิจ หน้าที่และความรับผิดชอบของ Land Command HQ. และ Training Command (ไม่มีน้ำท่าไว้บริการแขกผู้มาเยือนเลย แค่น้ำดื่มสักนิดก็ไม่มีเลย นี่เป็นข้อบกพร่องประการหนึ่งที่ผมพบใน Australia)
ก่อนที่จะเดินทางมาทัศนศึกษาดูงาน Australia นั้น นายทหาร นายตำรวจนักเรียนได้ศึกษาถึงปูมหลังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของ Australia รวมทั้งประเทศในแถบ Oceania กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ รวมทั้งกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาก่อน
ออสเตรเลีย เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ (อิงสหรัฐฯ) ที่มีความใกล้ชิดมากกว่านิวซีแลนด์ ในขณะที่นโยบายต่างประเทศนิวซีแลนด์มีท่าทีเป็นอิสระจากสหรัฐฯ และออสเตรเลีย นอกจากนี้ออสเตรเลียส่งทหารเข้าร่วมปฏิบัติการที่อัฟกานิสถาน และอิรัก ในขณะที่นิวซีแลนด์ส่งทหารเข้าร่วมปฏิบัติการที่อัฟกานิสถานตามข้อมติ UN แต่ต่อต้านการทำสงครามอิรักของสหรัฐฯ
สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ผมกับคณะเดินทางทั้งหมดไม่มีโอกาสเดินเยี่ยมชมสถานที่ภายใน Land Command HQ. เลย ได้แต่นั่งฟังการบรรยายสรุปอยู่ภายในห้องแล้วก็กลับ เข้าใจว่ากองทัพออสเตรเลียคงไม่ค่อยสบายใจนักที่จะให้บุคคลภายนอกเข้ามา เยี่ยมชมและเดินเพ่นพ่านอยู่ภายในหน่วยงานความมั่นคงซึ่งเป็นหัวใจของประเทศ ตัวเองกระมัง...
หลังจากเสร็จภารกิจที่ Land Command HQ แล้ว ผมและคณะ นทน. เดินทางต่อไปยังสวนสัตว์พื้นเมือง Koala Park Sanctuary และรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกันที่นั่น ตอนนี้พวกผมได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนจากชุดสูทเป็นชุดลำลองแบบสุภาพได้แล้ว ครับ มื้อเที่ยงวันนี้เป็นอาหารออสเตรเลียสไตล์บาบีคิว เป็นเนื้อย่าง เนื้อแกะย่าง สลัดประเภทต่าง ๆ โชคดีครับไกด์เตรียมการล่วงหน้านำน้ำจิ้มรสเด็ดมาจากประเทศไทยด้วย ถึงจะเป็นเนื้อแกะย่างแบบออสเตรเลี่ยน แต่ก็ให้รสชาติแบบไทย ๆ (แซ่บอีหลี ^^) เสร็จจากมื้ออาหารก็ได้เวลาออกไปสำรวจ Koala Park Sanctuary กัน
ด้านหน้า Koala Park Sanctuary | กองทัพเดินด้วยเท้า แต่ต้องอิ่มท้อง |
เนื้อแกะย่าง ^^ | ฟาร์มเลี้่ยงแกะ |
ภายใน Koala Park Sanctuary มีการจัดอาณาบริเวณเป็นสวนสัตว์ซึ่งมีอยู่ในท้องถิ่น Australia หลายชนิด นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่จะได้สนุกและเพลิดเพลินกับชีวิตธรรมชาติของสัตว์ ป่าพื้นเมืองของAustralia อย่างใกล้ชิด อย่างเช่น เจ้าเคาล่าต้วกลม จิงโจ้ วอมแบท นกอีมู ฯลฯ ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ผมได้มีโอกาสให้อาหารเจ้าจิงโจ้ด้วยมือ และได้ชมการสาธิตการตัดขนแกะของคุณลุงเจ้าของ Koala Park Sanctuary ใจดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาชีพเลี้ยงแกะซึ่งเป็นอาชีพพื้นฐานตั้งแต่การก่อตั้ง ประเทศออสเตรเลียในสมัยอาณานิคมเป็นต้นมา
นกอีมู สัตว์ประจำชาติออสเตรเลียคู่จิงโจ้ | น้องแกะหน้าตาบ๊องแบ๊ว ^^ |
Australia เป็น ประเทศที่เลี้ยงแกะมากที่สุดในโลก มีจำนวนประชากรแกะมากกว่าคนประมาณ 10 เท่า (ปัจจุบันประชากรออสเตรเลียมีประมาณ 21 ล้านคน) แกะที่เลี้ยงในออสเตรเลีย ส่วนใหญ่เป็นแกะพันธุ์ขน เรียกว่า “พันธ์เมอริโน” ซึ่งทำให้ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ส่งขนแกะออกสู่ตลาดโลกมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก
แง่คิดที่ได้จากการเข้าเยี่ยมชมที่ Koala Park Sanctuary คือการดัดแปลงฟาร์มเกษตรของชาวออสซี่ (การเลี้ยงแกะ ตัดขนแกะ) เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งนอกจากเกษตรกรจะมีรายได้จากการเกษตกรรมโดยตรงแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มทำให้เกษตรกรมีรายได้จากนักท่องเที่ยวเป็นรายได้เสริม อีกทางหนึ่งด้วย
สาธิตการตัดขนแกะ | คุณลุงต้องการอาสาสมัครทดลองตัดขนแกะ |
แนะนำ “บูมเมอแรง” ของชาวอะบอริจินิส | สาธิตการขว้างบูมเมอแรง |
จิงโจ้พันธุ์ใหม่ ^^ | ให้อาหารจิงโจ้ด้วยมือ จั๊กจี๋มากครับ... ^^ |
Koala คนออสซี่ออกเสียง “เคาล่า” พระเอกของที่นี่ | Penguin พันธุ์ตัวเล็ก |
ตกบ่าย หลังจากชมสาธิตการตัดขนแกะ และชมความน่ารักของเจ้าเคาล่าตัวกลม ไกด์พาพวกเราไปเดินเที่ยวชมและจับจ่ายซื้อสินค้าของที่ระลึกที่ย่าน Queen Victoria Building หรือ QVB และเดินดูสินค้าจำพวกครีมบำรุงผิวจากห้าง David Jones ปรากฎว่าแบตเตอรี่กล้องถ่ายภาพหมดเกลี้ยงพอดี โชคยังดีกล้องของ Zaid ยังมีสำรองอยู่ จากการที่ได้เดินดูสินค้า ปรากฎว่าสินค้าแต่ละรายการมีราคาค่อนข้างแพง ช็อปปิ้งรอบนี้ผมจึงซื้อมาแต่เฉพาะของที่ระลึกส่วนตัวกับเพื่อนสนิทของผม 2 – 3 ชิ้นเท่านั้นเอง
ภายใน Queen Victoria Building | ย่าน Queen Victoria Building |
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตอนค่ำเดินทางกลับไปเข้าที่พักที่ Travelodge Hotel พักที่นี่เป็นคืนที่ 2 (พัก 2 คืน) ครับ
No comments:
Post a Comment