Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Monday, January 25, 2010

1st Day in Australia

ชม วนอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains, Three Sisrers (หินสามอนงค์), กินข้าวที่เมือง Katoomba, ชมวิวเมือง Canberra ณ จุดชมวิว Mt.Ainslie, พักที่ Canberra 1 คืน

 วันจันทร์ที่ 19 พ.ค. 2551

SNC15094

คณะนายทหาร/นายตำรวจนักเรียนออกเดินทางจาก ร.ร.เสนาธิการทหารบก ย่านสามเสน เมื่อบ่ายแก่ ๆ ของวันที่ 18 พ.ค. 2551 ขึ้นเครื่องเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. โดยสายการบินไทยเที่ยวบิน TG993 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมงเศษ ผมหลับ ๆ ตื่น ๆ มาตลอดทางหลังจากรับประทานอาหารมื้อค่ำบนเครื่องเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอยาพาราเซตามอลจากแอร์โฮสเตจไป 2 เม็ด ส่วนคอทองแดงคงชอบใจเพราะเห็นเรียกแอร์โฮสเตจมาเติมไวน์ เติมวิสกี้อยู่ตลอด จนกระทั่งเครื่องร่อนลงแตะรันเวย์ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ Sydney Kingford Smith นครซิดนีย์ เมื่อ 19 พ.ค. 2551 เวลาประมาณ 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของออสเตรเลีย ซึ่งเร็วกว่าไทยราว 3 - 4 ชั่วโมง สำหรับอาหารมื้อเช้าพวกเรารับประทานเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เช้ามืดขณะอยู่บน เครื่อง (เพราะพอถึงท่าอากาศยานลงจากเครื่องได้ก็เดินทางไกลต่อทันทีครับ ไม่แวะรับประทานอาหารที่ไหนอีกแล้ว)

หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งไม่ค่อยจะยุ่งยากเท่าไหร่นัก พอเดินพ้นออกมาจากอาคารท่าอากาศยานก็ได้สัมผัสกับอากาศเย็นยะเยือกของทวีป ออสเตรเลียเป็นครั้งแรก ชอบจังครับอากาศแบบนี้ จะได้ทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือออกแรงท่ามกลางอากาศหนาวโดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อย ^^ พอเดินไปถึงรถบัสขนาดประมาณ 40 ที่นั่งที่จอดรออยู่ สิงห์อมควันหลายคนรู้สึกเปรี้ยวปาก อยากจะสูบบุหรี่เต็มกำลังแต่ก็กล้า ๆ กลัว ๆ กับกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะของ Australia ผมยืนสูดอากาศเย็นและแห้งของทวีปที่ไม่คุ้นเคยอยู่สักครู่ใหญ่ ก่อนขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางต่ออีกระยะทางประมาณ 65 กิโลเมตร ไปยัง วนอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains ซึ่งเป็นที่หมายแรกใน Australia (ชื่อเหมือนกาแฟถ้วยโปรดของใครหลาย ๆ คนเลย)

IMG_2017จากนคร Sydney ไปถึงวนอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ถึง 2 ชั่วโมง เหตุที่ใช้เวลามาก เนื่องจากพนักงานขับรถใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 100กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามกฎหมายที่ค่อนข้างเข้มงวดมาก ๆ ของ Australiaอาจจะไม่ทันใจวัยรุ่นแต่ก็ปลอดภัยครับ และถ้าไม่คิดมาก คิดเสียว่าจะได้มีเวลาชื่นชมทัศนียภาพสองข้างทางได้อย่างเต็มอิ่มตลอดทาง   รถแล่นออกจากสนามบิน ผ่านไปในชุมชนเมืองของนคร Sydney ผมนั่งลุ้นอยู่ว่าจะมีปัญหารถติดเหมือนในกรุงเทพฯ หรือเปล่า..? ปรากฎว่า การจราจรคล่องตัวมาก ๆ พนักงานขับรถใช้เส้นทางอุโมงค์ใต้ดินจนทะลุออกนอกเมือง ผมนั่งชมทิวทัศน์ข้างทางที่ไม่คุ้นตาอยู่สักพักใหญ่ พยายามฝืนความง่วง ถ่างตาไม่ให้หลับขณะเดินทาง แต่เมื่อรถบัสแล่นออกพ้นเขตชุมชนเมืองของนคร Sydney ออกมาได้ครู่ใหญ่  ความเหนื่อยล้า และอ่อนเพลียจากการเดินทางไกลก็รุกรานจู่โจมทำให้ผมยอมแพ้เผลอม่อยหลับไป.. มารู้สึกตัวตื่นขึ้นอีกครั้งเมื่อใกล้จะถึงวนอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains แล้ว   “Zaid” บั๊ดดี้ผมเขย่าแขนปลุกผมเบา ๆ ก่อนลงจากรถผมไม่ลืมที่จะคว้ากระเป๋ากล้องติดมือมาด้วย (แต่ดูเอาเถิด ด้วยความที่เพิ่งซื้อกล้องใหม่ยังใช้กล้องไม่ชำนาญ ตั้งค่า Picture style ผิด (ผมใช้กล้อง Canon 450D) ทำให้ภาพถ่ายที่ Blue Mountains ส่วนใหญ่มีค่า Contrast สูงเกินไป เสียดายมาก)

Sydney05

ทันทีเมื่อลงจากรถ อุณหภูมิเย็นยะเยือกจากขุนเขาสัมผัสกับผิวกายทำให้ผมต้องขยับเสื้อแจ๊กเก็ต กันหนาวให้กระชับมากยิ่งขึ้น รู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวที่ติดอันดับของโลก วินาทีแรกเมื่อได้เห็นวนอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains ประทับใจในทิวทัศน์งดงามแปลกตาของผืนป่ายูคาลิปตัสบนแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา

วนอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains มี ยอดเขา "Three Sisters" หรือ "หินสามอนงค์" หรือบางคนก็เรียกว่า "หินสามก้อน" แล้วแต่ถนัด^^ ตั้งสง่าเป็นจุดเด่นเหนือผืนป่าบนเทือกเขาสีน้ำเงินครามอย่างสอดประสานกัน

"Three Sisters" หรือ "หินสามอนงค์"  ก็มีตำนานความเป็นมาเหมือนกันนะครับ  ตำนานพื้นเมืองของชาวอะบอริจิ้นเล่าขานต่อ ๆ กันมาว่า

“…กาลครั้งหนึ่ง ณ เทือกเขาแห่งนี้ เป็นที่อยู่ของชายคนหนึ่งชื่อ “ทยาวัน” (Tyawan) เขามีลูกสาวสวยอยู่ 3 คนคือ “มีนนี” (Menhi) “วิมาลา” (Weemalah) และ “กันนีดู” (Gunnedoo) ทยาวันมีกระดูกวิเศษอยู่ชิ้นหนึ่งซึ่งทำให้เขาสามารถแปลงร่างเป็นนกไลเออเบิร์ด (Lyrebird) ได้ ทุกครั้งที่ออกไปล่าสัตว์ ทยาวันจะสั่งลูกสาวทั้งสามให้ไปอยู่บนหน้าผาสูงและห้ามไม่ให้ไปไหนจนกว่าเขา จะกลับมา ทั้งนี้เพื่อให้ปลอดภัยจากวิญญาณที่ทรงอำนาจซึ่งอาศัยอยู่ในหุบเขาลึกเบื้อง ล่าง

วันหนึ่งสาวน้อยมีนนี เกิดเอาหินไปเคาะที่หน้าผา เป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินเคลื่อน ปลุกวิญญาณของบันยิบขึ้นมา และเมื่อบันยิบมองเห็นเด็กสาวทั้งสามเกาะกันอยู่บนหน้าผาจึงขึ้นไปหา ทยาวันพ่อของเด็กสาวทราบเรื่อง แต่ไม่สามารถเดินทางไปช่วยลูกได้ทัน จึงเลือกวิธีเสกให้ลูกสาวกลายเป็นหินไปพลาง ๆ ก่อน

บันยิบจึงหันมาเล่นงานพ่อแทน ทยาวันแปลงร่างเป็นสัตว์ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้บันยิบตามหาพบ ท้ายสุดเขาแปลงร่างเป็นนกไลเออเบิร์ด โดยใช้กระดูกวิเศษที่มีอยู่ แต่ในขณะที่มือของทยาวันกลับกลายเป็นปีกนกนั่นเอง กระดูกวิเศษได้หลุดลอยออกจากมือของเขาไป

บันยิบเลิกตามหาทยาวันและกลับไปยังที่พักของมันตามเดิม แต่อนิจจา ทยาวันยังคงเป็นนกไลเออเบิร์ดที่บินวนเวียนอยู่ในหุบเขาอยู่นั่นเอง และลูกสาวทั้งสามก็ยังคงเป็นหินอยู่ตามเดิม จนกว่าทยาวันจะหากระดูกวิเศษพบและแปลงร่างกลับกลายมาเป็นคน จึงจะคลายมนต์ให้ลูกสาวทั้งสามกลับคืนมาดังเดิมได้…” (Credit: ponelovetan)

ฟังดูเศร้าจังครับ แม้ว่าชาวอะบอริจิ้นจะไม่สามารถสร้างอารยธรรมที่ศรีวิไลแบบในลุ่มแม่น้ำ ไทกริส - ยูเฟรติส หรือที่อื่น ๆ  แต่ความเจริญทางด้านจิตวิญญาณนั้น กลับสามารถผูกเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจเข้ากับสภาพทางภูมิศาสตร์ได้อย่างลงตัวและกินใจทีเดียว

สาเหตุที่คนออสซี่ตั้งชื่อ "Blue Mountains" หรือ “หุบเขาสีน้ำเงิน” เกิดจาก “ต้นกัม” หรือ “ยูคาลิปตัส” พืชพื้นเมืองออสเตรเลียที่ขึ้นแผ่ปกคลุมเป็นผืนป่าบนเทือกเขา ไอระเหยของน้ำมันจากต้นกัมหรือ “ยูคาลิปตัส” ทำปฏิกริยาสะท้อนกับแสงแดด เกิดการหักเหของแสง ทำให้เกิดหมอกจาง ๆ สีน้ำเงินคราม ปกคลุมเหนือผืนป่า ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอับดับที่ 24 ในปี ค.ศ.2000

IMG_2057 ในการลงไปชมความงามผืนป่าของ Blue Mountains อย่างใกล้ชิด มีผจญภัยเล็กน้อยครับ นักท่องเที่ยวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการนั่งรถไฟฟ้า "Scenic Railway" ที่ดัดแปลงจากทางลำเลียงขนถ่านหินในสมัยก่อตั้งอาณานิคม ซึ่งมีความชันถึง 52 องศา ได้ชื่อว่าเป็นทางรถไฟลงเขาที่ชันที่สุดในโลก พุ่งผ่านลงไปในหุบเขาที่เป็นเหมืองถ่านหินเก่าระยะทางประมาณ  415 เมตร (1,360 ฟุต) ด้วยความเร็ว 4 เมตรต่อวินาที ทางที่สูงชันและความเร็วผ่านหน้าผาสูง ถ้ำมืด และทางลาดลงมายังเนินเขาข้างล่าง ทำเอาหัวใจของผมเต้นกระเด็นกระดอนไปมาไม่เป็นจังหวะ..

เมื่อก้าวลงจากรถไฟ ฟ้า สิ่งที่ปรากฎเบื้องหน้าผมคือ ทิวทัศน์ตระการตาของหุบเขาสีน้ำเงินครามกว้างใหญ่ไพศาลของผืนป่ายูคาลิปตัส โดยมี "Three Sisters" หรือ “หินสามอนงค์” ประดับเด่นเป็นสง่าอยู่เหนือเทือกเขา 

IMG_2077

เมื่อเดินลัดเลาะเข้าไปในแนวป่าตามทางเดินของวนอุทยาน สภาพป่าสองข้างทาง เป็นป่าดิบชื้น (Rain Forrest) แบบ Australia เขียวขจี พบต้นไมัที่มีลักษณะคล้ายต้นปรงเหมือนที่พบในป่าดงดิบทางภาคใต้ของไทย แผ่กิ้งก้านสาขาเป็นเงาครึ้ม มองดูคล้ายป่าในภาพวาดเมื่อสมัยบรรพกาลที่มีไดโนเสาร์เดินเพ่นพ่านอยู่ ให้ความรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในโลกดึกดำบรรพ์ ยากที่จะบรรยายด้วยคำพูดให้เห็นเป็นภาพที่ใกล้เคียงกับที่ตาเห็นได้

ต้นไม้คล้ายต้นปรง แต่สูงใหญ่กว่า

เมื่อเดินไปจนถึงสถานีกระเช้าไฟฟ้า Scenic Cableway ซึ่งเป็นทางขึ้นจากหุบเขาทางหนึ่งของที่นี่ รอคอยอยู่สักพักพวกเราก็ได้เดินทางขึ้นจากหุบเขาโดยกระเช้าไฟฟ้า Scenic Cableway ได้มองเห็นทัศนียภาพของ Blue Mountains ในอีกรูปแบบหนึ่ง คุ้มค่าจริง ๆ ครับที่ได้เดินทางดั้นด้นมาจนถึงที่นี่  ข้างบนนี้ มีร้านอาหารเครื่องดื่มให้บริการ มีร้านจำหน่ายของที่ระลึกให้เลือกซื้ออย่างจุใจครับ ผมได้แต่เดินดูไปเรื่อยเปื่อย ยังไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมา  ราคาของที่ระลึกค่อนข้างแพง อดใจไว้ช็อปปิ้งในโอกาสต่อไปดีกว่า

IMG_2112
เดินทางขึ้นจากหุบเขาโดยกระเช้าไฟฟ้า Scenic Cableway
IMG_2126
ทิวทัศน์มองจาก Scenic Cableway

พวกเราได้อยู่ชื่นชมความงดงามของวนอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains จนถึงเที่ยงเศษ ๆ ก็เดินทางต่อไปยังกรุง Canberra แวะรับประทานมื้อเที่ยง (อาหารจีนมื้อแรกในออสเตรเลีย) ที่ “ภัตตาคาร Canton Palace” ในเมือง Katoomba  (ไม่ไกลจากวนอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains ครับ)

IMG_2212 ภัตตาคาร Canton Palace IMG_2204
มื้อเที่ยง (อาหารจีน) มื้อแรกใน Australia
IMG_2228 ทิวทัศน์เมือง Katoomba IMG_2217
ทิวทัศน์เมือง Katoomba
IMG_2221 ทิวทัศน์เมือง Katoomba SNC15181
รถบรรทุกคันงามพบระหว่างเดินทางไป Canberra

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ตอนบ่าย พวกเราเดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุง Canberra นครหลวงของออสเตรเลีย เนื่องจากพรุ่งนี้เช้ามีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะท่านเอกอัครราชฑูตไทยประจำ กรุง Canberra ด้วยระยะทางประมาณ 280 - 300 กม.จากนคร Sydney ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง เมื่อพวกเราเดินทางถึง Canberra ขณะนั้นเย็นมากแล้ว ใกล้จะค่ำ แต่ยังพอมีเวลาไปชื่นชมความงามของการวางผังเมือง ณ จุดชมวิวบนยอดเขา Mt.Ainslie

IMG-2299   ทิวทัศน์เมือง Canberra มองจากจุดชมวิวบนยอดเขา Mt.Ainslie

"Canberra" เป็นเมืองที่ได้รับการออกแบบการวางผังเมืองได้ดีเยี่ยมติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก เมื่ออยู่บนยอดเขา ณ จุดชมวิว Mt.Ainslie สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือทะเลสาบเบอร์เล่ย์ กริฟฟิน (Walter Burley Griffin) ซึ่งถูกขุดขึ้นทอดเป็นแนวใจกลางเมืองหลวงเสริมให้ภูมิประเทศสวยงามเป็นจุด เด่นของเมือง ถนนหนทางที่มีการวางผังเมืองเป็นอย่างดี แลดูเป็นโครงข่ายที่เป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งทิวทัศน์ของสถานที่ทำการของรัฐบาล อาคารรัฐสภา อนุสรณ์สถานสงคราม “War Memorial” ที่สถาปนิกออกแบบวางเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอย่างลงตัวจะมองเห็นได้อย่าง สวยงามมากจากจุดชมวิวนี่เอง พรุ่งนี้พวกเราจะได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมอาคารรัฐสภา และ War Memorial กันครับ

IMG-2326
ทิวทัศน์เมือง Canberra มองจากจุดชมวิวบนยอดเขา Mt.Ainslie

สถาปนิกวางอาคารรัฐสภา และ War Memorial เป็นจุดศูนย์กลางของเมือง

ลมบนยอดเขาพัดค่อนข้างแรงครับ พาอุณหภูมิเย็นยะเยือกเข้ามากระทบผิวกายเป็นระลอก ๆ อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ แปรผกผันตามเวลาที่เพิ่มขึ้น โชคดีที่พวกเราเตรียมเสื้อผ้าป้องกันความหนาวมาเป็นอย่างดี ก็เลย บ่ ยั่น

IMG_2334
ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกก่อนเดินทางเข้าเมือง Canberra

หลังจากชื่นชมดื่มด่ำกับทัศนียภาพมุมสูงแบบ “Bird Eyes View” ของกรุง Canberra จนฉ่ำใจแล้วก็เดินทางกลับลงมารับประทานทานอาหารมื้อเย็นในตัวเมืองที่ ภัตตาคาร “National Green Tea” (อาหารจีนอีกแล้ว) จากนั้น check in เข้าพักที่โรงแรม Heritage Hotel พอถึงห้องพัก ก็แทบอยากจะกระโดนเข้าไปซุกอยู่ใต้ผ่าห่ม สภาพอากาศตอนนี้หนาวมากจริง ๆ

IMG_2368 ภัตตาคาร National Green Tea IMG_2401
ห้องพักครับ^^ ถ้าไม่มีน้ำอุ่นคงแย่แน่ ๆ 

ดึกขึ้นเรื่อย ๆ อากาศที่หนาวอยู่แล้ว ก็ยิ่งทวีความหนาวเย็นขึ้นตามลำดับ บรื๊อออ! หนาวจริง ๆ ครับ คืนนี้ไม่ออกไปไหนแล้ว เหนื่อยกับการเดินทางมาก ๆ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อ

1 comment:

  1. Wonderful blog & good post.Its really helpful for me, awaiting for more new post. Keep Blogging!
    ----------------------------------------------------------------------------------------
    ตรวจคนเข้าเมืองออสเตรเลีย

    ReplyDelete

RevolverMap