Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Sunday, May 4, 2025

รัฐปัตตานีที่อ้างว่าเคยอิสระ — อิสระจริงหรือ?”

 

“#รัฐปัตตานีที่อ้างว่าเคยอิสระ — #อิสระจริงหรือ?”

วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 19.45 น.

เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ บุกใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าไปภายในบ้านเลขที่ 1/3 หมู่ที่ 5 ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส

ผู้เสียชีวิตมี 3 ราย ได้แก่

 - นายดำ จันทร์คง อายุ 70 ปี

 - ด.ญ.สสิดา จันทร์คง อายุ 9 ปี

 - นายแดง ตุนาสุข อายุ 58 ปี

ผู้บาดเจ็บอีก 2 รายคือ

 - นายภาคีไนย รังเสาร์ อายุ 29 ปี

 - นายเชาว์ จันทร์คง อายุ 44 ปี

เหตุการณ์ความรุนแรงนี้  สะท้อนผลกระทบจาก ความคิดสุดโต่งที่หยิบใช้ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องมือบิดเบือนและปลุกปั่นความเกลียดชัง

ในฐานะอดีตผู้กำกับการ สภ.ตากใบ ซึ่งเคยดูแลพื้นที่นี้ด้วยหัวใจ ผมไม่อาจเงียบได้เมื่อเห็นครอบครัวชาวบ้านต้องสูญเสียผู้เฒ่าและเด็กหญิงในคืนเดียวกัน

ความสูญเสียนี้เกิดขึ้นเพราะคนบางกลุ่มยังคงยึดถือความเชื่อว่า “รัฐปัตตานีเคยเป็นรัฐอิสระที่ถูกยึดครองโดยสยาม” และใช้แนวคิดนั้นเป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรมต่อความรุนแรง

แต่หากเราศึกษาประวัติศาสตร์อย่างจริงจัง จะพบว่าความเชื่อนี้ไม่ได้ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน

ก่อนจะมีคำว่า “รัฐปัตตานี” ในความหมายแบบรัฐสมัยใหม่ ดินแดนแถบนี้เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของศรีวิชัย นครศรีธรรมราช สุโขทัย อยุธยา และต่อเนื่องสู่รัตนโกสินทร์ เป็นหัวเมืองที่มีระบบบรรณาการ มีเจ้าเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งจากส่วนกลาง และมีบทบาทร่วมในภารกิจปกป้องแผ่นดินไทย

พระยาราชบังสัน(หะซัน) โอรสองค์เล็กองค์สุลต่านสุไลมาน ชาห์ แห่งซิงกอรา เป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญว่า “ชาวมลายูมุสลิม” สายราชวงศ์มลายูบางสาย 

ไม่ได้ถูกลิดรอนอำนาจ แต่ได้รับเกียรติจากราชสำนักให้ทำหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง  ท่านเป็นแม่ทัพเรือแห่งกรุงศรีอยุธยา

พระยาพัทลุง ขุนคางเหล็ก (เดิมเป็นมุสลิม) ลูกหลานสุลต่านสุไลมาน ชาห์ อีกท่านหนึ่ง (ท่านเป็นเหลนโต๊ะสูของพระยาราชบังสัน (หะซัน)) พระสหายคนสนิทของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้นำจากแดนใต้ที่มีบทบาทในการกู้ชาติจากพม่าและร่วมสร้างความมั่นคงให้แผ่นดินสยาม

บุคคลเหล่านี้ไม่ได้ถูก “กลืนกลาย” หากแต่ ร่วมเป็นเจ้าของแผ่นดิน โดยมีความเชื่อ ศาสนา และอัตลักษณ์ของตนเองอย่างมั่นคง

การหยิบคำว่า “อัตลักษณ์มลายูมุสลิม” มาใช้เป็นเครื่องมือในการแยกตนออกจากความเป็นไทย จึงไม่ใช่การปกป้องรากเหง้า หากคือการ บั่นทอนมรดกของบรรพชนที่เคยเสียสละเพื่อผืนแผ่นดินนี้

และยิ่งน่าเศร้า…เมื่อความคิดแบบนั้นแปรเปลี่ยนมาเป็นกระสุน ที่ปลิดชีพเด็กหญิง 9 ขวบไปต่อหน้าต่อตาญาติพี่น้องของเธอ

ชายแดนใต้ต้องการสันติสุข ไม่ใช่การตอกย้ำความแค้นโดยใช้ประวัติศาสตร์ที่ถูกตีความแบบด้านเดียว

สิ่งที่เราต้องการวันนี้ไม่ใช่ “รัฐใหม่”

แต่คือ ความเข้าใจใหม่ — ที่ไม่บิดเบือนความจริงของชาติพันธุ์ ศาสนา และประวัติศาสตร์ร่วม

เพราะสุดท้าย…ผู้ที่รักแผ่นดินนี้จริง ย่อมไม่เหนี่ยวไกปืนใส่เด็กไร้เดียงสาในบ้านของตัวเอง


******************************************

โดย พ.ต.อ.ศุภชัช (ยีหวังกอง) ณ พัทลุง ผกก.สภ.ระแงะ | อดีต ผกก.สภ.ตากใบ

#ความเข้าใจในศาสนาและประวัติศาสตร์คือหนทางในการดับไฟใต้

No comments:

Post a Comment

RevolverMap