Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Sunday, May 18, 2025

วันนี้ที่ตันหยงลิมอ — มัสยิดแห่งความเข้าใจ (9 พ.ค.2568)

 วันนี้ที่ตันหยงลิมอ — มัสยิดแห่งความเข้าใจ (9 พ.ค.2568)



วันนี้…(9 พ.ค.2568) ผมชวนผู้ใต้บังคับบัญชาไปร่วมละหมาดวันศุกร์ที่ มัสยิดตันหยงลิมอ


มัสยิดแห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่หลายคนมองว่าเป็น “พื้นที่สีแดง”  แต่สำหรับผม  มันคือพื้นที่แห่งการสร้างความเข้าใจ และโอกาสที่จะได้เริ่มต้นบทสนทนาใหม่ ระหว่างตำรวจกับพี่น้องมุสลิม


ในปี 2548 ที่นี่เคยเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจขึ้น

เมื่อนาวิกโยธิน 2 นายถูกประชาชนรุมทำร้ายจนเสียชีวิต


คนในพื้นที่เล่ากันว่า ความไม่เข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับชาวบ้านในช่วงเวลานั้น  ผสมกับข่าวลือ ความหวาดระแวง และความโกรธฝังลึกที่ไม่มีใครพูดออกมา  มันระเบิดออกมา…และทิ้งรอยแผลไว้ในความทรงจำของทั้งสองฝ่าย


ผมเองตั้งใจจะมาละหมาดที่นี่หลายครั้งแล้ว

แต่ด้วยภารกิจมากมาย จนวันนี้ถึงได้มีโอกาสมาด้วยหัวใจที่พร้อมจะรับฟัง


ก่อนละหมาด ผมให้น้องตำรวจที่เป็นมุสลิมเข้าไปประสานกับโต๊ะอิหม่าม  ท่านยิ้มและบอกว่า “ยินดีอย่างยิ่ง”  จากนั้นโต๊ะอิหม่ามก็ลุกขึ้นประกาศกับพี่น้องที่มาร่วมละหมาดว่า


“วันนี้มีผู้กำกับกีตอ (ผู้กำกับของเรา) มาร่วมละหมาดและจะพูดคุยกับพวกเราหลังละหมาด”


หลังจากคุตบะห์จบลง และเราละหมาดเสร็จ โต๊ะอิหม่ามส่งสัญญาณให้ผมลุกขึ้นพูด


ผมเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวแบบบ้าน ๆ

เล่าถึงความเป็นมาของนามสกุล “ยีหวังกอง”

ซึ่งเป็นสายเลือดลูกหลานแม่ทัพนายกองชาวมลายูจากรัฐตรังกานู


จากนั้นผมเล่าเรื่องภัยใกล้ตัว

เรื่องมิจฉาชีพที่โทรมาหลอกคนด้วยกลอุบายสารพัด ใช้ความโลภ  บางรายใช้เสียงข่มขู่ ใช้ความไม่รู้ของเหยื่อ ใช้ความรัก  บางรายถึงกับสร้างอารมณ์หลอกลวงทางเพศ  เพื่อหวังผลประโยชน์ หลอกให้เราโอนเงิน และได้ไปซึ่งทรัพย์สิน


ผมเล่าว่าพวกเราไม่อยากให้ใครในพื้นที่ต้องตกเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพเหล่านี้อีกต่อไป


จากนั้นผมก็เล่าเรื่องดี ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นที่ สภ.ระแงะ

เราเพิ่งได้รับตำรวจรุ่นใหม่มาอีก 22 นาย

และทั้งหมดนี้ — คือลูกหลานชาวมลายู ที่เติบโตขึ้นมาเพื่อรับใช้บ้านเกิดของตน


หลายคนทำหน้าสงสัย


ผมจึงขยายความว่า

ในจำนวนนี้ มี มลายูมุสลิม อยู่ 6 นาย

ที่เหลือเป็น ไทยพุทธ อีก 16 นาย

ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดพัทลุง สงขลา ตรัง และจังหวัดอื่น ๆ อีกหลายจังหวัดในภาคใต้


ผมอธิบายต่อว่า พวกเขาเหล่านี้คือลูกหลาน ชาวมลายูพุทธ จากอาณาจักรมลายูโบราณศรีวิชัย ที่ถูกกลืนกลายเป็นไทยพุทธ ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีในประวัติศาสตร์ของแหลมมลายู


ชาวมลายูพุทธ บางกลุ่มถูกรวมเข้ากับวัฒนธรรมสยาม จนกลายเป็น “ไทยพุทธ” ในวันนี้


ส่วน มลายูมุสลิม ในพื้นที่อื่น ๆ แม้จะรักษาศรัทธาไว้ได้  แต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียอัตลักษณ์ ภาษามลายูดั้งเดิมไป


ผมเพียงจะสื่อว่า


เราเคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อน และเราก็สามารถกลับมาเข้าใจกันได้อีก


ก่อนจะจบ ผมพูดเบา ๆ ว่า


มีสถานที่ราชการ 2 แห่งที่คนมักจะไม่อยากไป ก็คือ

“โรงพัก” กับ “โรงพยาบาล”  เพราะไปทีไรก็มักจะ “ซาเก๊ะปาลอ” (แปลว่า “ปวดหัว” หมายถึง มีเรื่องวุ่นวาย ปัญหาจุกจิก) ให้ทุกข์ใจ


แต่วันนี้…ผู้กำกับพาลูกหลานมลายูมาร่วมละหมาด  เพื่อให้พี่น้องได้เห็นหน้า ได้รู้จัก ได้พูดคุยกันไว้


และผมทิ้งท้ายว่า


หากวันหน้าเกิดอะไรขึ้น…ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องกลัว

ตำรวจระแงะ พร้อมรับใช้ทุกคนด้วยหัวใจ และความเข้าใจ


#ความเข้าใจในศาสนาและประวัติศาสตร์คือหนทางในการดับไฟใต้

No comments:

Post a Comment

RevolverMap