#โตฮัน: #เสียงศรัทธาใต้สายลมโบราณแห่งแหลมมลายู
เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นและดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องมาอย่างยาวนานนับร้อยปีแล้ว
ในวันนี้…เมื่อเรามองไปยังปลายด้ามขวานของแผนที่ประเทศไทย ที่ชายแดนใต้ เราจะพบกับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยบาดแผลและความเจ็บปวด
เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงร้องไห้ของผู้คน
เป็นเสียงที่ลอยปะปนอยู่กับสายลมที่พัดผ่านนราธิวาส ยะลา และปัตตานี มาเนิ่นนาน
บางคนบอกว่านี่คือการต่อสู้เพื่ออัตลักษณ์ บ้างก็บอกว่านี่คือการก่อการร้าย (Terrorism)
นักการทหารบอกว่า นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของความขัดแย้งที่เรียกว่า “สงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare)” เอ็นจีโอบางคนบอกว่านี่คือรอยแผลของประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยสมาน
มีบางคนพยายามโยงให้เป็นเรื่องของความขัดแย้งทางศาสนา
แต่ไม่ว่ามุมมองไหน…ความจริงก็คือ ลูกหลานของดินแดนเดียวกัน กำลังหันอาวุธเข้าหากันเอง
ในวันที่ผู้คนลืมไปแล้วว่า…
ใต้ความต่างของภาษา ศาสนา หรือสายเลือดที่เขียนใหม่
พวกเขาเคยมีบรรพบุรุษร่วมกัน พวกเขาเคยมีหัวใจเดียวกัน
ในความคิดของผม ถ้าเราอยากเข้าใจหัวใจของนักสู้เหล่านั้นจริง ๆ เราคงต้องถอยหลังกลับไปไกลกว่ายุคล่าอาณานิคม ให้ไกลกว่าการประกาศเขตแดน ไกลกว่าการแบ่งเส้นศาสนา
เราต้องกลับไปดู…ถึงวิธีคิดถึงโลก วิธีมองชีวิตของปู่ย่าตายายรุ่นโบราณที่ยังไม่มีเส้นขีดแบ่งชาติพันธุ์บนแผ่นดิน
เราต้องกลับไปฟังเสียงกระซิบของศรัทธาเดิม
ศรัทธาที่เรียบง่าย ศรัทธาที่ไม่มีใบหน้าชัดเจน
ศรัทธาที่เรียกขานสิ่งสูงสุดด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุดคำหนึ่งในโลกมลายูว่า
“#โตฮัน”
******************************************
เราคงจะลืมเลือนกันไปแล้ว ว่าก่อนที่ศาสนาใหญ่ ๆ จะเดินทางมาถึงที่นี่ ก่อนที่พระอินทร์ พระพรหม หรือแม้แต่อัลลอฮฺจะถูกเอ่ยนามในแผ่นดินนี้
คนรุ่นก่อนหน้าเราหลายพันปี
เขามีศรัทธาในศาสนาโบราณของเขาอยู่แล้ว
ย้อนกลับไป ราวศตวรรษที่ 1 ถึงศตวรรษที่ 6
ในพื้นที่กว้างไกลที่วันนี้คือ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ต่อเนื่องลงไปถึง กลันตัน ตรังกานู ในมาเลเซีย และไกลออกไปถึง สุมาตราตอนเหนือ มีผู้คนที่ดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย…อยู่กับทะเล ป่าเขา ลำน้ำ และท้องฟ้า
ในโลกของพวกเขา…
สิ่งสูงสุดที่พวกเขาเงยหน้ามอง และก้มหน้ากราบ…
ไม่ได้มีรูปร่างแบบที่เราเห็นในภาพวาดยุคหลัง
ไม่มีวัด ห้องโถง ไม่มีมหาเทวาลัย ไม่มีบทสวดที่ต้องท่องจำ
พวกเขาเรียกสิ่งนั้นง่าย ๆ ว่า “#โตฮัน”
******************************************
โตฮันของพวกเขา
ไม่ได้อยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า
โตฮันอยู่ในสายฝนที่โปรยลงมาในวันที่ท้องนาแห้งผาก
อยู่ในลมเย็นที่พัดมาหลังพายุใหญ่
อยู่ในแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิต
อยู่ในเงาของต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นมานานกว่าชั่วอายุคน
มีแต่สายลมที่พัดเบา ๆ เหมือนกระซิบว่า
“ข้าอยู่กับเจ้าเสมอ ตั้งแต่เจ้าหัวเราะครั้งแรก จนถึงลมหายใจสุดท้ายของเจ้า”
******************************************
และเมื่อเราย้อนลงลึกไปกว่านั้น
จะพบว่าความเชื่อเรื่องโตฮัน ไม่ได้อยู่ลำพัง
โตฮัน…
คือสายเดียวกับที่ผู้คนในอุษาคเนย์เรียกขานว่า “แถน” หรือ “ผีฟ้า” เป็นเทพเจ้าผู้สูงสุดบนฟากฟ้า
เป็นเสียงเดียวกับศรัทธาที่ไหลเวียนอยู่ในวัฒนธรรมของไท มลายู ลาว และเขมรโบราณ
คำว่า “โตฮัน” (Tuhan) ในภาษามลายู แปลว่า “เทวดาผู้ยิ่งใหญ่” และในภาษามลายู–อินโดนีเซียโบราณ คำว่า “ปาริ” (pari) ก็หมายถึงเทวดาหรือวิญญาณนางไม้ เสียงนั้น…เมื่อเดินทางมาเป็นภาษาไทย จึงกลายเป็นคำว่า “ผี” (phi) ที่เรารู้จักกันจนถึงทุกวันนี้
ในอดีตกาล การบูชาผีฟ้า การฟ้อนลำผีฟ้า รวมถึงพิธีมะโย่งในคาบสมุทรมลายู ล้วนสะท้อนรากศรัทธาเดียวกันนี้
ศรัทธาที่ไม่เคยหายไป แม้เวลาจะเปลี่ยนชื่อเสียงเรียกขานไปกี่ครั้งก็ตาม
******************************************
แล้ววันหนึ่ง…ศาสนาฮินดู–พุทธจากชมพูทวีปก็ค่อย ๆ เดินทางมาพร้อมเรือสินค้า
เริ่มจากปลายศตวรรษที่ 6 ต่อเนื่องถึงศตวรรษที่ 7 และ 8
เทพเจ้าที่มีรูปกายชัดเจน เริ่มมีบทบาทในตำนานที่เล่ากันใต้ต้นไม้ มีชื่อใหม่เกิดขึ้น — พระพรหม พระอินทร์ พระวิษณุ พระศิวะ
แต่ถึงกระนั้น…แก่นแท้ในหัวใจของผู้คนก็ยังไม่เปลี่ยน
โตฮันยังคงอยู่ แค่สวมเสื้อผ้าใหม่ แล้วเปลี่ยนชื่อเรียก
******************************************
อีกหลายร้อยปีต่อมา ศาสนาอิสลามเดินทางมาถึงฝั่งมลายูในศตวรรษที่ 15 ด้วยเรือพ่อค้า ด้วยถ้อยคำที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
“#ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺและมูฮัมมัดเป็นศาสนทูตของพระองค์”
คนที่เงยหน้ามองฟ้า ก้มหน้ากราบพื้นดินมาแต่โบราณ
ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกกับถ้อยคำนี้ เพราะในหัวใจพวกเขา โตฮันที่อยู่ในสายลมและฝน ก็เป็นพระเจ้าที่ไม่มีรูป ไม่มีตัวตนอยู่แล้ว
“โตฮัน” เปลี่ยนนามใหม่…เป็น “อัลลอฮฺ”
ในบทสวดขอดุอาอฺที่ก้องอยู่ในมัสยิดยามรุ่งอรุณ
แต่สายลม ฝน และแผ่นดิน…ยังคงโอบอุ้มพวกเขาอยู่เหมือนเดิม
******************************************
#หมายเหตุ บ้านลำธาร์ ตำบลโคกสัก อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง หมู่บ้านที่ผมเติบโตมา ยังมีคำศัพท์ภาษามลายูหลงเหลืออยู่ในชีวิตประจำวันอีกหลายคำ
ผมรู้จักคำว่า “โตฮัน” ตั้งแต่ยังเด็ก แต่ด้วยความเป็นเด็ก ด้วยความไม่รู้ จึงได้ยินแล้วออกเสียงเป็น “โต๊ะวัน” อย่างนั้นเอง — ซึ่งหมายถึงอัลลอฮฺ
จนเมื่อได้ศึกษาค้นคว้า จึงได้รู้ว่า… ”โต๊ะวัน“ ที่ผมได้ยินมาตั้งแต่เด็ก คือชื่อของเสียงกระซิบเบา ๆ ของศรัทธาโบราณที่ยังหายใจอยู่ในสายลมของชีวิตเราทุกคน
#ความเข้าใจในศาสนาและประวัติศาสตร์คือหนทางในการดับไฟใต้
******************************************
“ใต้สายหมอกที่โอบกอดผืนป่า และเหนือขอบฟ้าที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด โตฮันยังคงดำรงอยู่อย่างเงียบ ๆ พร้อมทุกชีวิตที่เติบโตบนแผ่นดินนี้”