Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Friday, February 28, 2025

ลูกหลานชาวมลายูโบราณในภาคใต้ของไทย: พวกเขาหายไปไหน?

 


ลูกหลานชาวมลายูโบราณในภาคใต้ของไทย: พวกเขาหายไปไหน?

ภาคใต้ของไทยในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรมลายูโบราณ เช่น ศรีวิชัย ลังกาสุกะ และตามพรลิงค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม ศาสนา และการค้าของชาวมลายู ก่อนที่ศาสนาอิสลามจะแพร่เข้ามาในช่วงศตวรรษที่ 13-15 อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ชาวมลายูที่ยังคงพูดภาษามลายูได้ในไทยเหลืออยู่เพียงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และบางส่วนของสงขลา

คำถามสำคัญคือ แล้วประชากรมลายูในจังหวัดอื่นๆ หายไปไหน? ทำไมหลายคนที่มีเชื้อสายมลายูกลับไม่มีอัตลักษณ์มลายูหลงเหลืออยู่เลย? 

มาครับผมจะเล่าให้ฟัง

1. การผสมกลมกลืนเข้ากับสังคมไทย

ในอดีต ภาคใต้ของไทยเต็มไปด้วยประชากรที่เป็นชาวมลายูพุทธและมุสลิม ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ประชากรมลายูจำนวนมาก ถูกหลอมรวมเข้าสู่สังคมไทยโดยสมบูรณ์

 - ชาวมลายูพุทธ: อาณาจักรมลายูโบราณ เช่น ตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) เคยมีศาสนาพุทธมหายานเป็นศาสนาหลัก ก่อนที่พุทธเถรวาทจากสยามจะเข้ามา เมื่อรัฐไทยขยายอำนาจลงใต้ กลุ่มมลายูพุทธ ค่อยๆ ผสมกลมกลืนกับประชากรไทยพุทธที่เข้ามาภายหลัง พวกเขาเริ่มใช้ภาษาไทย เปลี่ยนไปใช้ชื่อไทย และแต่งงานข้ามเชื้อชาติ ทำให้อัตลักษณ์มลายูเลือนหายไป

 - ชาวมลายูมุสลิมนอกสามจังหวัดชายแดนใต้: ชาวมุสลิมในจังหวัดอื่นๆ เช่น นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา ตรัง และกระบี่ แม้ว่ายังคงถือศาสนาอิสลาม แต่ ส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดภาษามลายูได้อีกแล้ว พวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน ทำให้สูญเสียเอกลักษณ์ความเป็นมลายูไป

2. การกวาดต้อนและอพยพโยกย้ายจากสงคราม

ในอดีต การทำสงครามไม่ได้มีเป้าหมายแค่การยึดดินแดน แต่ยังรวมถึง การกวาดต้อนประชากรเพื่อนำไปเพิ่มพลเมืองขยายอาณาจักร

 - ช่วงอยุธยา - รัตนโกสินทร์ตอนต้น ไทยทำสงครามกับหัวเมืองมลายูหลายครั้ง เช่น ปัตตานี เคดะห์ และตรังกานู  ชาวมลายูจำนวนมากถูกกวาดต้อนเข้ามาในสยาม และถูกกระจายไปยัง กรุงเทพฯ ธนบุรี นครศรีธรรมราช และสงขลา  (คุณพ่อของย่าผมเป็นลูกหลานเชลยศึกชาวกลันตัน) เมื่อพวกเขาถูกย้ายเข้ามาในพื้นที่ที่คนไทยพุทธเป็นประชากรหลัก พวกเขาค่อยๆ กลายเป็นคนไทยพุทธโดยสมบูรณ์  บางส่วนอพยพหนีออกจากไทย  หลังสงครามและเหตุการณ์ความไม่สงบ ประชากรมลายูจำนวนมากอพยพไปอยู่ในรัฐมลายู เช่น กลันตันและตรังกานู  ทำให้จำนวนประชากรมลายูในภาคใต้ของไทยลดลง (ในปัจจุบัน เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย) ราชวงศ์สุลต่านรัฐกลันตัน ถือว่าเป็นญาติใกล้ชิดกับเครือญาติอดีตราชวงศ์รัฐปัตตานี) 

3. นโยบายผสมกลมกลืนของรัฐไทย

ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการปฏิรูประบบปกครองแบบรวมศูนย์ ทำให้หัวเมืองมลายูถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของสยาม และอัตลักษณ์มลายูค่อยๆ เลือนหายไป  การบังคับใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ:  ระบบโรงเรียนไทยแทนที่โรงเรียนที่ใช้ภาษามลายู ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องเรียนภาษาไทย  โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามถูกควบคุมโดยรัฐ ทำให้การเรียนภาษามลายูลดลง  การเปลี่ยนชื่อเมืองและชื่อบุคคล:  หลายเมืองที่เคยมีชื่อเป็นภาษามลายูถูกเปลี่ยนเป็นชื่อไทย เช่น “ปะลิส” กลายเป็น “สตูล”  ชาวมลายูเริ่มใช้ชื่อไทยและนามสกุลไทย ทำให้แยกไม่ออกจากคนไทยทั่วไป

4. ร่องรอยของมลายูที่ยังคงเหลืออยู่

แม้ว่าภาษามลายูจะเลือนหายไปจากหลายพื้นที่ แต่บางขนบธรรมเนียมและคำศัพท์จากภาษามลายูยังคงอยู่ในวัฒนธรรมภาคใต้ของไทย โดยเฉพาะใน สงขลา พัทลุง สตูล ตรัง กระบี่ พังงา ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี

สถานที่ที่ยังมีร่องรอยของภาษามลายูในชื่อเมืองหรือหมู่บ้าน:

 “บาราโหม” (สงขลา) – มาจาก baruh ในภาษามลายู แปลว่า “ที่ลุ่ม”

 “เกาะตะลุเตา” (สตูล) – มาจาก telu laut แปลว่า “สามทะเล”

 “กะเปอร์” (ระนอง) – คล้ายกับ kapur แปลว่า “ปูนขาว”

 “ละงู” (สตูล) – มาจาก langkawi หรือ lagu ซึ่งหมายถึง “นกอินทรี”

คำศัพท์จากภาษามลายูที่ยังคงใช้ในภาษาถิ่นใต้:

 “โตฮัน” – หมายถึง พระเจ้า หรือ อัลลอฮฺ

 “บุหลัน” – หมายถึง ดวงจันทร์ (bulan)

 “ละมัย” – หมายถึง อ่อนเยาว์ สาวรุ่น (lemah แปลว่าอ่อนโยน)

 “เกลอ” – หมายถึง เพื่อนสนิท (kawan ในมลายู)

สรุป

ลูกหลานของชาวมลายูโบราณ ไม่ได้หายไปไหน แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงผ่าน การผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรม การโยกย้ายถิ่นฐานจากสงคราม และนโยบายของรัฐไทย

 - ชาวมลายูพุทธส่วนใหญ่กลายเป็นไทยพุทธโดยสมบูรณ์

 - ชาวมลายูมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงรักษาอัตลักษณ์มลายูได้

 - ชาวมุสลิมนอกพื้นที่ดังกล่าว แม้จะยังเป็นมุสลิม แต่ก็สูญเสียอัตลักษณ์มลายูไป

 - บางขนบธรรมเนียม และคำศัพท์จากมลายูยังคงหลงเหลือในภาคใต้ของไทยจนถึงปัจจุบัน

และสุดท้าย… ถ้าเพื่อน พี่ น้อง ที่กำลังอ่านบทความอยู่นี้ เป็นคนใต้ หน้าคม ผิวสองสี แล้วสงสัยว่าทำไมหน้าตาไม่เหมือนคนไทยไท-กระได แบบคนภาคเหนือสุโขทัย คนภาคกลาง หรืออีสาน เลย… คำตอบก็คือ ท่านอาจเป็นลูกหลานชาวมลายูโบราณอย่างแน่นอน!

No comments:

Post a Comment

RevolverMap