จากมลายูพุทธสู่ไทยพุทธ และมลายูมุสลิมที่เปลี่ยนแปลงไป
คนไทยพุทธในภาคใต้แทบทั้งหมดในปัจจุบันมีบรรพบุรุษเป็นชาวมลายูพุทธมาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อกว่าพันปีที่แล้ว ดินแดนภาคใต้เคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกมลายู ซึ่งเคยถูกปกครองโดยอาณาจักรสำคัญสองแห่ง ได้แก่ อาณาจักรศรีวิชัย และ อาณาจักรตามพรลิงก์
ศรีวิชัย เป็นอาณาจักรมลายูพุทธที่รุ่งเรืองในช่วง ศตวรรษที่ 7-13 ค.ศ. (พ.ศ. 1143-1843) โดยมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่บริเวณเกาะสุมาตราและคาบสมุทรมลายู อาณาจักรแห่งนี้มีอิทธิพลครอบคลุมดินแดนที่เป็นภาคใต้ของไทยในปัจจุบัน เช่น นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสงขลา ภาษามลายูเป็นภาษาหลักของอาณาจักรนี้ ซึ่งถูกใช้ในการติดต่อค้าขาย ศาสนา และการปกครอง
หลังจากที่อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมลง อาณาจักรตามพรลิงก์ ก็เข้ามามีบทบาทแทน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่นครศรีธรรมราช ตามพรลิงก์ยังคงสืบทอดวัฒนธรรมมลายูพุทธไว้ก่อนที่อิทธิพลของอาณาจักรไทยจากภาคกลางจะแผ่ขยายลงมาในช่วง ศตวรรษที่ 14-15 ค.ศ. (พ.ศ. 1843-2043)
เมื่อรัฐไทยเข้ามาปกครอง กระบวนการกลืนกลายของมลายูพุทธสู่ไทยพุทธเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากศาสนาพุทธเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ทั้งสองกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีความขัดแย้ง ในที่สุดชาวมลายูพุทธก็ผนวกรวมเป็นไทยพุทธโดยสมบูรณ์ อัตลักษณ์ดั้งเดิมค่อยๆ เลือนหายไปจนแทบไม่มีใครระลึกได้ว่าบรรพบุรุษของพวกเขาคือมลายู
ในขณะที่มลายูพุทธสูญหายไปจากประวัติศาสตร์ มลายูมุสลิมยังคงสามารถรักษาอัตลักษณ์ของตนไว้ได้เนื่องจากศาสนาอิสลามเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากไทยพุทธ อย่างไรก็ตาม มลายูมุสลิมในหลายจังหวัดที่อยู่นอกสามจังหวัดชายแดนใต้ เช่น สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง กระบี่ และสตูล ค่อยๆ สูญเสียภาษามลายูไป คนรุ่นใหม่พูดภาษาไทยเป็นหลักและผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น
ภาพลักษณ์ของคนใต้ กับร่องรอยทางพันธุกรรมจากอดีต
รูปร่างหน้าตาของคนใต้ในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของการผสมผสานทางชาติพันธุ์มาอย่างยาวนาน คนใต้จำนวนมากมีลักษณะ ผิวสองสี ตาคม จมูกโด่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้ในกลุ่มประชากรมลายูและชาติพันธุ์อื่นๆ ในคาบสมุทรมลายู
แม้ว่าผลการศึกษาดีเอ็นเอจะพบว่าคนไทยในปัจจุบันมีร่องรอยทางพันธุกรรมของกลุ่มชาวไท-กระไดและชาวมอญอยู่บ้าง แต่โครงสร้างทางกายภาพของคนใต้ก็แตกต่างจากคนไทยในภาคเหนือและภาคอีสานอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากอิทธิพลของชาวมลายู ชาวอินเดียตอนใต้ และชนกลุ่มอื่นๆ ที่เคยมีบทบาทในภูมิภาคนี้
ชาติพันธุ์ไม่มีความบริสุทธิ์ ไทยและมลายูต่างก็เป็นลูกผสมทางประวัติศาสตร์
หากมองให้ลึกลงไป ประวัติศาสตร์ของทั้งไทยและมลายูต่างก็เต็มไปด้วยการผสมผสานของผู้คนและวัฒนธรรม ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เคยกล่าวไว้ว่า “คนไทยมาจากคนไม่ไทยหลายชาติพันธุ์” เช่นเดียวกับ อ.สุจิตต์ วงษ์เทศ ที่กล่าวว่า “คนไทยมาจากชาวสยาม ซึ่งเป็นลูกผสมหลายชาติพันธุ์”
ในลักษณะเดียวกัน ไม่มีมลายูแท้ในปัจจุบัน เพราะชาวมลายูก็เป็นลูกผสมของกลุ่มชนต่างๆ ที่เข้ามาตั้งรกรากและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันตลอดหลายพันปี
ดังนั้น ไม่ว่าภูมิหลังของเราจะเป็นไทยหรือมลายู แท้จริงแล้วเราทุกคนล้วนเป็นผลลัพธ์ของประวัติศาสตร์แห่งการผสมผสาน ไม่มีชาติพันธุ์ใดที่บริสุทธิ์สมบูรณ์ เพราะทุกสังคมล้วนเกิดจากการหลอมรวมของผู้คนที่เดินทางและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
คนไทยพุทธในภาคใต้ทุกวันนี้อาจไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับมลายูอีกแล้ว แต่ในแง่ของเชื้อสาย บรรพบุรุษของพวกเขาก็คือชาวมลายูที่ครั้งหนึ่งเคยนับถือศาสนาพุทธมาก่อน เช่นเดียวกับที่ชาวมลายูในปัจจุบันเองก็สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่มาจากหลากหลายแหล่งเช่นกัน
No comments:
Post a Comment