Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Friday, March 7, 2025

“รำลึกถึงครูจูหลิง ปงกันมูล”

 “รำลึกถึงครูจูหลิง ปงกันมูล”





วันนี้ผมมีโอกาสเดินทางมายังสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นอนุสรณ์ของเหตุการณ์สำคัญในอดีต “มัสยิดบ้านกูจิงลือปะ และ อาคารเรียนศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านกูจิงลือปะ” พร้อมทั้งได้ร่วมละหมาดวันศุกร์กับพี่น้องชาวบ้านในพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ครูจูหลิง ปงกันมูล เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และวันนี้ ผมได้เห็นกับตาตัวเองว่าชาวบ้านที่นี่ต่างรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ในอดีต พวกเขาล้วนเป็นคนดี มีน้ำใจ และใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ได้สะท้อนตัวตนของชุมชนทั้งหมด แต่เป็นการกระทำของคนเพียงกลุ่มน้อย… กลุ่มที่มีอาวุธและอิทธิพลในหมู่บ้าน ณ เวลานั้น ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว

วันนี้แม้เวลาจะผ่านไป 14 ปี แต่เรื่องราวของครูจูหลิงยังคงอยู่ในใจของพวกเราทุกคน ขอรำลึกถึงเธอ ผู้ที่อุทิศชีวิตเพื่อการศึกษา และขอเป็นกำลังใจให้ครูทุกคนที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่

“ขอให้เรื่องราวในอดีตเป็นบทเรียน และขอให้สังคมเราเดินไปข้างหน้าด้วยสันติและความเข้าใจ”

#ครูจูหลิงปงกันมูล #รำลึกถึงครูผู้เสียสละ #สามจังหวัดชายแดนใต้ #ความดีไม่มีวันตาย #สันติภาพและความเข้าใจ

จากมลายูพุทธสู่ไทยพุทธ และมลายูมุสลิมที่เปลี่ยนแปลงไป

 

จากมลายูพุทธสู่ไทยพุทธ และมลายูมุสลิมที่เปลี่ยนแปลงไป

คนไทยพุทธในภาคใต้แทบทั้งหมดในปัจจุบันมีบรรพบุรุษเป็นชาวมลายูพุทธมาก่อน ย้อนกลับไปเมื่อกว่าพันปีที่แล้ว ดินแดนภาคใต้เคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกมลายู ซึ่งเคยถูกปกครองโดยอาณาจักรสำคัญสองแห่ง ได้แก่ อาณาจักรศรีวิชัย และ อาณาจักรตามพรลิงก์

ศรีวิชัย เป็นอาณาจักรมลายูพุทธที่รุ่งเรืองในช่วง ศตวรรษที่ 7-13 ค.ศ. (พ.ศ. 1143-1843) โดยมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่บริเวณเกาะสุมาตราและคาบสมุทรมลายู อาณาจักรแห่งนี้มีอิทธิพลครอบคลุมดินแดนที่เป็นภาคใต้ของไทยในปัจจุบัน เช่น นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสงขลา ภาษามลายูเป็นภาษาหลักของอาณาจักรนี้ ซึ่งถูกใช้ในการติดต่อค้าขาย ศาสนา และการปกครอง

หลังจากที่อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมลง อาณาจักรตามพรลิงก์ ก็เข้ามามีบทบาทแทน โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่นครศรีธรรมราช ตามพรลิงก์ยังคงสืบทอดวัฒนธรรมมลายูพุทธไว้ก่อนที่อิทธิพลของอาณาจักรไทยจากภาคกลางจะแผ่ขยายลงมาในช่วง ศตวรรษที่ 14-15 ค.ศ. (พ.ศ. 1843-2043)

เมื่อรัฐไทยเข้ามาปกครอง กระบวนการกลืนกลายของมลายูพุทธสู่ไทยพุทธเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากศาสนาพุทธเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้ทั้งสองกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่มีความขัดแย้ง ในที่สุดชาวมลายูพุทธก็ผนวกรวมเป็นไทยพุทธโดยสมบูรณ์ อัตลักษณ์ดั้งเดิมค่อยๆ เลือนหายไปจนแทบไม่มีใครระลึกได้ว่าบรรพบุรุษของพวกเขาคือมลายู

ในขณะที่มลายูพุทธสูญหายไปจากประวัติศาสตร์ มลายูมุสลิมยังคงสามารถรักษาอัตลักษณ์ของตนไว้ได้เนื่องจากศาสนาอิสลามเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากไทยพุทธ อย่างไรก็ตาม มลายูมุสลิมในหลายจังหวัดที่อยู่นอกสามจังหวัดชายแดนใต้ เช่น สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง กระบี่ และสตูล ค่อยๆ สูญเสียภาษามลายูไป คนรุ่นใหม่พูดภาษาไทยเป็นหลักและผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมไทยมากขึ้น

ภาพลักษณ์ของคนใต้ กับร่องรอยทางพันธุกรรมจากอดีต

รูปร่างหน้าตาของคนใต้ในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของการผสมผสานทางชาติพันธุ์มาอย่างยาวนาน คนใต้จำนวนมากมีลักษณะ ผิวสองสี ตาคม จมูกโด่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่พบได้ในกลุ่มประชากรมลายูและชาติพันธุ์อื่นๆ ในคาบสมุทรมลายู

แม้ว่าผลการศึกษาดีเอ็นเอจะพบว่าคนไทยในปัจจุบันมีร่องรอยทางพันธุกรรมของกลุ่มชาวไท-กระไดและชาวมอญอยู่บ้าง แต่โครงสร้างทางกายภาพของคนใต้ก็แตกต่างจากคนไทยในภาคเหนือและภาคอีสานอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากอิทธิพลของชาวมลายู ชาวอินเดียตอนใต้ และชนกลุ่มอื่นๆ ที่เคยมีบทบาทในภูมิภาคนี้

ชาติพันธุ์ไม่มีความบริสุทธิ์ ไทยและมลายูต่างก็เป็นลูกผสมทางประวัติศาสตร์

หากมองให้ลึกลงไป ประวัติศาสตร์ของทั้งไทยและมลายูต่างก็เต็มไปด้วยการผสมผสานของผู้คนและวัฒนธรรม ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เคยกล่าวไว้ว่า “คนไทยมาจากคนไม่ไทยหลายชาติพันธุ์” เช่นเดียวกับ อ.สุจิตต์ วงษ์เทศ ที่กล่าวว่า “คนไทยมาจากชาวสยาม ซึ่งเป็นลูกผสมหลายชาติพันธุ์”

ในลักษณะเดียวกัน ไม่มีมลายูแท้ในปัจจุบัน เพราะชาวมลายูก็เป็นลูกผสมของกลุ่มชนต่างๆ ที่เข้ามาตั้งรกรากและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันตลอดหลายพันปี

ดังนั้น ไม่ว่าภูมิหลังของเราจะเป็นไทยหรือมลายู แท้จริงแล้วเราทุกคนล้วนเป็นผลลัพธ์ของประวัติศาสตร์แห่งการผสมผสาน ไม่มีชาติพันธุ์ใดที่บริสุทธิ์สมบูรณ์ เพราะทุกสังคมล้วนเกิดจากการหลอมรวมของผู้คนที่เดินทางและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

คนไทยพุทธในภาคใต้ทุกวันนี้อาจไม่มีความรู้สึกว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับมลายูอีกแล้ว แต่ในแง่ของเชื้อสาย บรรพบุรุษของพวกเขาก็คือชาวมลายูที่ครั้งหนึ่งเคยนับถือศาสนาพุทธมาก่อน เช่นเดียวกับที่ชาวมลายูในปัจจุบันเองก็สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่มาจากหลากหลายแหล่งเช่นกัน


RevolverMap