กลับมาแล้วครับ กลับมารายงานตัว...^^
หลังจากที่ห่างหายไปนาน อันเนื่องมาจากงานเข้าบ้าง ออกบ้าง ^^
ล่า สุดเมื่อระหว่าง 20 ธ.ค. 2552 ที่ผ่านมา ผมได้รับมอบหมายให้เดินทางไปรับเสื้อเกราะกันกระสุนจากบริษัทพีทีทีโพลิ เมอร์ฯ ที่ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ กรุงเทพฯ หรือเอ็มเทค (Mtec) ขับรถยนต์ไปคนเดียวครับ เดินทางกลับถึง อ.เมือง จ.ยะลา พร้อมเสื้อเกราะกันกระสุน 30 ชุด เมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค. 2552) ราวห้าทุ่ม ในสภาพทุกลักทุเล ^^
เหตุการณ์เมื่อวานนี้ ผมขับรถยนต์ออกจากกรุงเทพฯ ด้วยความเร็วสูงตลอดเส้นทาง ห้อตะบึงมาซะเต็มเหยียด ตลอดระยะทางกว่า 1,000 กม. ไปคนเดียวขับคนเดียว แวะพักเติมน้ำมันบ้างล้างหน้าล้างตาบ้าง รับประทานอาหารบ้าง ทุกครั้งใช้เวลาไม่นานนัก เพราะอยากกลับถึงบ้านเร็ว ๆ จนลืมนึกไปว่ารถยนต์ก็มีหัวใจ มีลิมิตของมัน
ผมขับรวดเดียว จากกรุงเทพฯ จนกระทั่งถึงแยกดอนยาง เขต อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเดิมเคยเป็นสามแยก หากเลี้ยวซ้ายก็ไป จ.ปัตตานี กับ จ.นราธิวาส ถ้าเลี้ยวขวาก็ไป จ.ยะลา แต่บัดนี้มีเส้นทางสายใหม่ เพิ่มเป็นสี่แยกขับตรงไปมีสี่ช่องทางจราจร คือทางหลวงสาย 418 สร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเปิดให้ใช้สัญจร ในใจก็พลันคิดลังเลว่า จะไปทางไหนดี ระหว่างสายเก่าเลี้ยวขวา หรือสายใหม่ขับตรงไป
ถ้า ไปสายเก่า ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เป็นเส้นทางสองช่องทางจราจรขับสวนทางกัน แต่ก็อุ่นใจ เพราะถนนตัดผ่านชุมชนใหญ่ ๆ มีบ้านเรือนประชาชน หน่วยทหารตำรวจ รวมทั้งมีแสงสว่างตลอดเส้นทาง ส่วนสายใหม่ ใช้เวลาเพียง 25 นาที เนื่องจากเป็นถนนใหญ่สี่ช่องทางจราจร รถราวิ่งน้อยมาก ยังไม่มีไฟฟ้า และแทบจะไม่มีบ้านเรือนประชาชนอยู่สองข้างทางเลย เนื่องจากตัดผ่านทุ่งนาเป็นส่วนใหญ่ และประการที่สำคัญตัดผ่านพื้นทีสีแดงเถือก หลายหมู่บ้านตามเส้นทางเป็นพื้นที่ในเขตงานที่สำคัญของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ ทางหลวงสาย 418 ยังไม่เปิดใช้อย่างเป็นทางการ
จะไปทางไหนดี...?
ขณะ นั้นเวลาประมาณ 22.00 น. มือไวกว่าความคิด ชั่วเสี้ยววินาทีตัดสินใจไม่หักพวงมาลัยรถเลี้ยวขวาไปทางสายเก่า กลับคิดลองดีขับตรงไปทางสายใหม่ ที่แทบจะไม่มีใครกล้าไป เมื่อเลือกมาสายใหม่แล้ว ในใจก็ยังนึกหวั่น ๆ งง ๆ อยู่เลยว่า “ตูขับมาทางนี้ไมวะเนี่ย...? แทบจะไม่มีรถขับสวนทางมาเลย...บ้านคนก็ไม่มีเลย” แต่ช่างเถอะ ยังไงก็ขับมาแล้ว ก็ไปให้ตลอด ด้วยความที่เป็นเส้นทางเปลี่ยว ไม่มีแสงไฟข้างถนน ผมก็เลยขับรถคร่อมเลน ด้วยความเร็วสูง เปิดไฟสูงมาตลอดทาง...
เมื่อขับไปจนถึงพื้นที่รอยต่อ ม.4 ต.ยุโป อ.เมืองยะลา ซึ่งเพิ่งมีการยิงปะทะ และวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายไป 2 ศพ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีเสียงดังซ่าที่ห้องเครื่องยนต์แล้วเครื่องก็ดับทันที ควันโขมงคลุ้งเต็มไปหมด “ซวยแล้ว!” ผมอุทานในใจ “ตายห่....ทำไงดี” หัวใจแทบหยุดเต้น จะเสียที่ไหนไม่เสีย ดันมาเสียที่นี่..??
ขณะ ที่กำลังวิตกจริตต่อชะตากรรมที่กำลังประสบอยู่นั้น โชคดีที่มีรถยนต์ฮัมวี่ของ จนท.ทหาร ที่ออกลาดตระเวนสวนทางมา 3 คัน ผมโบกมือขอความช่วยเหลือ ก็เลยได้ จนท.ทหารกลุ่มนั้น เข้ามาอยู่เป็นเพื่อน คอยอำนวยความสะดวกส่องไฟให้ จากนั้นผมรีบโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนนายทหารที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เพื่อนก็รีบจัดการสั่งให้ลูกน้องซึ่งคุ้นเคยกันกับผมดีส่งรถมาลาก ในที่สุดก็กลับถึงที่พักในสภาพทุกลักทุเลเต็มที...
ตอนนี้ผมอยู่ที่ จ.ยะลา แล้วครับ ด้วยความปลอดภัย....
เข็ดแล้ววววว^^ เส้นทางสายเปลี่ยว ไปคนเดียว ไม่เอาอีกแล้วววว 5555