Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Friday, December 11, 2009

อาณาจักรอันยิ่งใหญ่

นทน.ร.ร.เสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำชุดที่ 86
IMG_3620


















นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 เป็นต้นมา เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นับวันมีแต่เพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้นตามลำดับ เริ่มต้นด้วยการปล้นอาวุธปืนของหน่วยราชการต่าง ๆ ทั้งของกรมป่าไม้ นาวิกโยธิน หน่วยทหารพราน  การลอบยิงตำรวจสายตรวจตามแผนไบไม้ร่วง การลอบฆ่าครูไทยพุทธ ตามแผนดับแสงเทียน จนกระทั่งเกิดเหตุปล้นอาวุธปืนกองพันทหารพัฒนาที่ 4 (ค่ายปิเหล็ง) เมื่อ 4 มกราคม 2547 อันเป็นสัญลักษณ์ของการจุดดอกไม้ไฟแห่งการปฏิวัติของขบวนการก่อความไม่สงบ ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชแห่งความรุนแรงนับตั้งแต่นั้นมา
สถานการณ์ได้พัฒนาการไปจนอยู่ในขั้นที่ประชาชนทั้งสองกลุ่ม (ไทยพุทธ และมุสลิม) ต่างมีความหวาดระแวงแคลงใจต่อกัน อาณาจักรแห่งความกลัวเริ่มขยายอาณาเขตจนน่าพรั่นพรึง

แม้แต่ละฝ่ายจะวิเคราะห์ถึงสาเหตุปัจจัยการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบไปต่าง ๆ นานา  รวมทั้งผู้ก่อเหตุอาจมีที่มาจากหลายกลุ่ม  แต่ประการที่สำคัญที่สุดคือ การกระทำของผู้ที่เรียกตนเองว่า นักรบกอบกู้เอกราชรัฐปัตตานี  หรือเหล่านักรบอิสลามแห่งปัตตานี  นักรบมูญาฮิดีนปัตตานี  ตามแต่ที่จะเรียกขานกัน พวกเขาเหล่านี้แสดงตนเป็นมุสลิม เป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ผู้ซึ่งยอมตนต่อเอกภาพของพระเจ้า   โดยอ้างว่านับถือศรัทธาในอัลลอฮฺ (ซบ.) และเดินตามแนวทางของบรรดาศาสนทูตของพระองค์  แต่จากพฤติกรรมอันเหี้ยมโหด  ไร้ซึ่งความกรุณาปราณี  พวกเขากลับเดินตามแบบอย่างของอนารยชน

ผู้ก่อความไม่สงบบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาอิสลามอันบริสุทธิ์ได้อย่างไร...?


มองไปที่กลยุทธ์ของผู้ก่อความไม่สงบ

ผู้ก่อความไม่สงบปรับกลยุทธ์จากรูปแบบสงครามแบ่งแยกดินแดนเป็นยุทธศาสตร์แบ่งแยกประชาชน แล้วจึงแบ่งแยกดินแดนในภายหลัง หรือทำไปพร้อมเพรียงกัน โดยใช้มาตรการทางการเมือง สังคมจิตวิทยา  และมาตรการทางทหารเพื่อทำสงครามแย่งชิงประชาชน  ผลการปฏิบัติการเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้  โดยบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาอิสลามใช้เงื่อนไขเชื้อชาติ (มลายู) เงื่อนไขศาสนา (อิสลาม) และเงื่อนไขมาตุภูมิ (แผ่นดินรัฐปัตตานี) เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการปลุกระดม เพื่อให้เป็นไปตามแนวความคิดในการแบ่งแยกดินแดน  ซึ่งมีข้อบิดเบือนบางประการที่สำคัญซึ่งผู้ก่อความไม่สงบได้กระทำปลุกระดมมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

หนึ่ง  บิดเบือนว่า การที่มุสลิมจะเรียนภาษาไทยเป็นบาป  โดยการปลูกฝังต่อ ๆ กันมาว่า  “ไทย” กับ “พุทธ” เป็นคำที่มีความหมายเดียวกัน  ภาษาไทย จึงเป็นเรื่องของศาสนาพุทธ

สอง  บิดเบือนว่า มุสลิมย่อมไม่อยู่ในการปกครองของคนนอกศาสนา

สาม บิดเบือนว่า คนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ใช่คนไทย แต่เป็นคนมลายูมุสลิม

สี่   เงื่อนไข รัฐปัตตานีถูกสยามยึดครอง


การบิดเบือนดังกล่าว เป็นผลให้มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ยอมเรียนภาษาไทย และไม่ยอมให้บุตรหลานเล่าเรียนภาษาไทย  ราษฎร์มีอาชีพ ทำนา ทำสวนมีฐานะยากจน ง่ายต่อการชักนำ ชักจูง ในทางที่ผิด และหลงเข้าใจผิด  ศาสนาอิสลามนั้นถือว่าผู้นำทางศาสนา เป็นผู้นำทางการเมืองเป็นผู้นำทางสังคม  และ เป็นผู้นำตามธรรมชาติ อยู่ในคน ๆ เดียวกัน และหากใช้ผู้นำทางศาสนามาเป็นเครื่องมือ ทางด้านการเมือง ทางด้านสังคมจิตวิทยา ย่อมก่อให้เกิดความสำเร็จในงานนั้น ๆ
หลักคำสอนของศาสนาอิสลามนั้น  ส่วนหนึ่งมีที่มาจากคัมภีร์อัลกรุอาน ซึ่งเป็นพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า  และอีกส่วนหนึ่งมีที่มาจากแบบอย่างจริยวัตรอันงดงามของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ที่เรียกว่า “ซุนนะฮ์”

จากพระมหาคัมภีร์อัลกรุอาน  อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้ ความว่า

“...โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชายและเพศหญิง และเราได้ให้พวกเจ้าแยกเป็นเผ่าและตระกูล เพื่อจะได้รู้จักกัน...” (อัลฮุจญรอต: 13)
จากหลักฐานดังกล่าวยืนยันได้อย่างชัดแจ้งว่า  อัลลอฮ์ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาเป็นเผ่าพันธุ์  ชาติพันธุ์ต่าง ๆ มีสีผิวแตกต่างกันนั้น ก็เพื่อมนุษย์จะได้ไปมาหาสู่กัน ทำความรู้จักกัน เป็นมิตรกัน  ในขณะที่ผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลับกระทำการรุนแรงต่าง ๆ สารพัดเพื่อขับไล่คนต่างศาสนิกออกนอกพื้นที่  โดยอ้างอิงศาสนาอิสลาม   แผ่นดินปัตตานี เป็นแผนดินที่บริสุทธิ์  จะต้องไม่มีศาสนาอื่น  ทั้งยังไม่สามารถอยู่ร่วมกับศาสนาอื่น ๆ ได้ คนเหล่านี้ยึดเอามาตรฐานทางสติปัญญาซึ่งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของคนใน กลุ่มตัวเอง มาสั่งสอน และชี้นำกันว่า เป็นหลักคำสอนของอิสลาม  พวกเขาอ้างถึงการสถาปนารัฐอิสลาม และอาณาจักรอิสลาม  โดยสงวนไว้เฉพาะสำหรับคนบางตระกูลในการขึ้นมามีอำนาจปกครอง  แต่ลืมไปว่า  เอกภพทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ ไม่จำเป็นต้องสถาปนาอาณาจักรอื่นใดอีก โลกนี้ คืออาณาจักรของอัลลอฮ์ เป็นสมบัติของพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์เป็นเพียงผู้อยู่อาศัยชั่วคราว  ชีวิตหลังความตายเป็นชีวิตที่เป็นนิรันดร์   ฉะนั้น  ถึงแม้มนุษย์จะมีเอกสารสิทธิ์แสดงกรรมสิทธิ์ยืนยันความเป็นเจ้าของ  แต่ในความเป็นจริง  ทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาลล้วนเป็นของเอกองค์อัลลอฮ์อย่างบริบูรณ์

ครั้งหนึ่งท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้กล่าวไว้ว่า  “...ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของประชาชาติของฉันสำหรับผู้ที่เรียกร้องบนฐานแนวคิดของการคลั่งไคล้ในชาติพันธุ์  ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของประชาชาติของฉันสำหรับผู้ที่ทำสงครามบนฐานแนวคิดของ การคลั่งไคล้ในชาติพันธุ์ และไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของประชาชาติของฉันสำหรับผู้ที่เสียชีวิตเนื่องจาก การต่อสู้ในการปกป้องและพิทักษ์รักษาแนวคิดของการคลั่งไคล้ในชาติพันธุ์...”
ฉะนั้น  ไม่ต้องไปสถาปนารัฐอิสลามอิสระที่ไหนหรอก และไม่ต้องสถาปนารัฐอิสลามเพื่อเฉพาะคนมลายู  ไม่ต้องสถาปนารัฐอิสลามโดยสังเวยชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปศพแล้วศพเล่า  หน้าที่ของมุสลิมผู้ศรัทธาคือ  สถาปนาอาณาจักรอิสลามขึ้นมาในหัวใจของตนเองให้ได้อย่างมั่นคงเท่านั้นพอ และมีหน้าที่ช่วยกันทำนุบำรุงรักษาบ้านเมืองของเราให้สงบสุข   เมื่อนั้น “อาณาจักรของมุสลิม” ก็จะไม่จำกัดขอบเขตเฉพาะเพียงแค่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น แต่อาณาจักรของเราจะมีขอบเขตกว้างใหญ่ไพศาล   เราสามารถที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเสรีและมีความสุขในอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของเรา

No comments:

Post a Comment

RevolverMap