Incredible Training in Incredible India
ใกล้เข้ามาอีกนิด เกือบได้เวลาที่จะได้ออกไปผจญภัย ณ ดินแดนชมพูทวีปแล้ว
หลังจากสนทนาโต้ตอบผ่านทางอีเมลกับฝ่ายการศึกษาสถานทูตอินเดียหลายฉบับ ในที่สุดเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 10 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ทางสถานทูตอินเดียได้ตอบรับผมเป็น participant เข้าร่วมฝึกอบรมในหลักสูตร “Certificate of Proficiency in English and IT Skills” ณ สถาบัน Aptech Ltd เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยการส่งอีเมลให้กับทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสำเนาให้ผมทางอีเมลอีกทางหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือเป็นขั้นตอนทางธุรการระหว่าง ศอ.บต. และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดของผม ส่วนผมเองมีหน้าที่ดำเนินการเรื่องการลากิจฝึกอบรมต่างประเทศผ่าน ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ถึง ผบช.ศชต. เนื่องจากหนังสือเดินทางราชการเล่มเก่าของผมหมดอายุแล้ว จึงต้องทำหนังสือเดินทางราชการใหม่ โดยจะต้องขอรับเอกสารหนังสือนำซึ่งลงนามโดย ผบช.ศชต.ถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศขอให้ออกหนังสือเดินทางราชการ โดยแจ้งการอนุมัติให้ผู้ยื่นคำร้องเดินทางไปราชการ พร้อมสำเนาบันทึกหรือสำเนาคำสั่งที่อนุมัติตัวบุคคลให้เดินทางไปราชการ ฯลฯ เพื่อไปดำเนินการยื่นคำร้องทำหนังสือเดินทางราชการ (Official Passport) ที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หรือหน่วยบริการส่วนย่อยที่กรมการกงสุลได้ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการทำหนังสือเดินทางที่บริเวณ ศอ.บต. อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
ระหว่างนี้ สถานทูตอินเดียได้ดำเนินการจองตั๋วเครื่องบินให้ผม ปรากฎว่า เป็นสายการบินแอร์อินเดีย ซึ่ง เป็นสายการบินแห่งชาติอินเดีย เอกสารในอีเมลระบุวันเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ 6 มกราคม 2559 เวลา 08.50 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี เวลาประมาณ 12.05 น. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) และเมื่อสำเร็จการฝึกอบรมตามหลักสูตรแล้วจะต้องเดินกลางกลับประเทศไทยด้วยสายการบินเดียวกัน จากท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ในวันที่ 17 มีนาคม 2559 เวลาประมาณ 13.45 น. (ระบุให้ check in ก่อนเวลา 12.45 น.) ถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 19.20 น.(สงสัยตงิดๆ ว่าทำไมขากลับใช้เวลามากจัง???? อาจเป็นเพราะต้องเผื่อเวลาสำหรับการตรวจที่แสนจะเข้มงวดละเอียดยิบของท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี กระมัง???)
ระหว่างการฝึกอบรม ทางสถานทูตอินเดียจองตั๋วเครื่องบินไปกลับให้ ส่วนสถาบัน Aptech Ltd ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการฝึกอบรม เป็นผู้ดำเนินการจัดโรงแรมที่พักให้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 25,000 รูปี (คิดเป็นเงินไทยเอา 2 หารโดยประมาณ)
การทัศนศึกษาดูงานนอกสถานที่ ในเอกสารหลักสูตรที่ผมสมัครเรียนระบุไว้ 3 เมืองดังนี้ ครับ #เมืองเดลี Delhi: the Red Fort, India Gate, Lotus Temple, Humayun's Tomb, Qutab Minar and the Taj Ghat. #เมืองอัครา Agra: Tajmahal, Agra Fort #เมืองชัยปุระ นครสีชมพู Jaipur: the pink city of Jaipur houses monuments and architectural wonders such as Hawa Mahal, Amber Fort, Jantar Mantar & Maharaja Palace
แต่ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งในอีกหลายเมืองที่ผมหมายหมั้นปั้นมือว่าจะต้องหาโอกาสไปเยือนให้ได้แม้จะต้องหาโอกาสวันหยุดแบคแพ็คเดินทางไปคนเดียวก็ตาม เช่นเมืองศรีนคร เมืองเลห์ ในแคว้นจัมมูร์และกัษมีร์ ซึ่งอยู่เหนือสุดของประเทศรวมทั้งเมืองอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายเมืองทั่วประเทศ
ติดตามอ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ พี่ๆ หลายคงจะสงสัยว่าผมได้ทุนอะไรไปฝึกอบรมที่ประเทศอินเดีย???
สำหรับทุนการฝึกอบรมที่ผมได้รับนั้น คือทุน ITEC/SCAAP Programme รัฐบาลอินเดียได้ก่อตั้งโครงการ The Indian Technical and Economic Cooperation (ITEC) Programme ขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2507 ถือเป็นโครงการสำคัญยิ่ง (flagship) ในความพยายามให้ความช่วยเหลือทวิภาคีแก่รัฐบาลประเทศต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่มีขอบเขตครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางเท่านั้น (ดู partner countryhttp://itec.mea.gov.in/?1348%3F0) แต่ยังเต็มไปด้วยนวัตกรรมในการให้ความร่วมมือด้านเทคนิคใหม่ๆ มีวิชาการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ หลากหลาย ไม่เฉพาะแต่ในเรื่องของภาษาอังกฤษและด้านไอทีเท่านั้นนะครับ มีทั้งด้านการบริหาร ด้านการเกษตร ด้านการแพทย์ (ไม่มีด้านตำรวจหรือด้านความมั่นคงนะครับ) ฯลฯ ดูรายละเอียดหลักสูตรต่าง ๆ ได้ตาม url นี้ ครับ
http://itec.mea.gov.in/?pdf3967%3F0 หากเพื่อนๆ พี่ๆ สนใจสามารถดูรายละเอียดได้เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://itec.mea.gov.in/ หรือกรอกใบสมัครได้ด้วยตนเองที่ url:
https://itecgoi.in/meaportal/homepage หลักสูตรด้านภาษาอังกฤษและไอที มีสถาบัน Aptech Ltd เป็นผู้รับผิดชอบ ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์
www.aptech.worlwide.com หรือ
www.aptech-globaltraining.com
ใครบ้างที่มีสิทธิ์ขอรับทุน ITEC/SCAAP Programme จากเอกสารคู่มือที่ผมได้รับ ผู้มีสิทธิ์ขอรับทุนมีดังนี้ครับ Official in Government, Public Sectors, Universities, Chambers of Commerce and Industry, etc.
จะขอรับทุนได้อย่างไร ในส่วนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ปี 2558 เป็นปีแรกที่สถานทูตอินเดียมีหนังสือแจ้งการให้ทุนมายัง ศอ.บต. ซึ่ง ศอ.บต.จึงได้มีหนังสือเวียนแจ้งหน่วยในพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์กำลังพลสมัครขอรับทุน ผมทราบเรื่องนี้และสมัครขอรับทุนตั้งแต่เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายน 2558 ส่วนปีหน้าใครที่สนใจก็รอฟังข่าวนะครับ ส่วนเพื่อน ๆ พี่ๆ ที่อยู่นอกเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลองติดต่อที่ฝ่ายการศึกษาสถานทูตอินเดียดูนะครับ หมายเลขโทรศัพท์
02-2580300-5 ขอให้โชคดีครับ