Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Sunday, December 27, 2015

รำพึงคดีเกาะเต่า...



ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรงเมื่อหลายปีก่อน  ก่อนที่จะปิดฉากความขัดแย้งยกแรกด้วยการรัฐประหารของ “คมช.” ในเวลาต่อมา  ได้เกิดคดีสำคัญในความทรงจำเกิดขึ้นคดีหนึ่ง "คดีคาร์บอมบ์ทักษิณ"

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ฝ่ายตรงข้ามของทักษิณฯ "เสื้อเหลือง" ได้ออกมาโหมกระหน่ำ ปลุกระดม ใช้สื่อในมือทุกชนิดชี้นำบิดเบือนกำหนดทิศทางจนคดีเสียรูปกลายเป็น "คดีคาร์บ๊อง" ไป ในขณะที่คนรักทักษิณ "เสื้อแดง" ต่างรู้สึกโกรธแค้นในความวิปริตของสื่อและสังคมบ้านเมืองในขณะนั้น 

ล่วงเลยผ่านมาหลายปี กงล้อในประวัติศาสตร์หมุนทับรอยเดิม เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมเกิดขึ้นภายใต้สภาวะแวดล้อมทางการเมืองที่มีความต่อเนื่องกันมา  เมื่อเกิดคดีสำคัญอีกคดีหนึ่ง "คดีเกาะเต่า"  ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อคนดูคนเดิมสลับข้างกัน


"ตำรวจ" ยังเป็นตำรวจคนเดิมที่ทำงานอยู่ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมทางการเมืองเดิมๆ เปลี่ยนเพียง "รัฏฐาธิปัตย์" และผู้นำองค์กรสูงสุด แต่คนดูที่เคยเป็นฝ่ายกองเชียร์กลับกลายเป็นฝ่ายตรงข้าม ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งที่เคยเป็นฝ่ายตรงข้ามก็แปรสภาพกลับมาเป็นมวลชนให้กำลังใจตำรวจ...

ท่ามกลางเสียงครหาและคำสบประมาท ตำรวจยังคงเป็นตำรวจคนเดิม และก้มหน้าก้มตาทำงานเดิมๆ ต่อไป

Thursday, December 17, 2015

Incredible Training in Incredible India


Incredible Training in Incredible India
ใกล้เข้ามาอีกนิด เกือบได้เวลาที่จะได้ออกไปผจญภัย ณ ดินแดนชมพูทวีปแล้ว

หลังจากสนทนาโต้ตอบผ่านทางอีเมลกับฝ่ายการศึกษาสถานทูตอินเดียหลายฉบับ ในที่สุดเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 10 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ทางสถานทูตอินเดียได้ตอบรับผมเป็น participant เข้าร่วมฝึกอบรมในหลักสูตร “Certificate of Proficiency in English and IT Skills” ณ สถาบัน Aptech Ltd เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยการส่งอีเมลให้กับทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสำเนาให้ผมทางอีเมลอีกทางหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือเป็นขั้นตอนทางธุรการระหว่าง ศอ.บต. และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดของผม ส่วนผมเองมีหน้าที่ดำเนินการเรื่องการลากิจฝึกอบรมต่างประเทศผ่าน ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ถึง ผบช.ศชต. เนื่องจากหนังสือเดินทางราชการเล่มเก่าของผมหมดอายุแล้ว จึงต้องทำหนังสือเดินทางราชการใหม่ โดยจะต้องขอรับเอกสารหนังสือนำซึ่งลงนามโดย ผบช.ศชต.ถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศขอให้ออกหนังสือเดินทางราชการ โดยแจ้งการอนุมัติให้ผู้ยื่นคำร้องเดินทางไปราชการ พร้อมสำเนาบันทึกหรือสำเนาคำสั่งที่อนุมัติตัวบุคคลให้เดินทางไปราชการ ฯลฯ เพื่อไปดำเนินการยื่นคำร้องทำหนังสือเดินทางราชการ (Official Passport) ที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หรือหน่วยบริการส่วนย่อยที่กรมการกงสุลได้ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการทำหนังสือเดินทางที่บริเวณ ศอ.บต. อำเภอเมือง จังหวัดยะลา

ระหว่างนี้ สถานทูตอินเดียได้ดำเนินการจองตั๋วเครื่องบินให้ผม ปรากฎว่า เป็นสายการบินแอร์อินเดีย ซึ่ง เป็นสายการบินแห่งชาติอินเดีย เอกสารในอีเมลระบุวันเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ 6 มกราคม 2559 เวลา 08.50 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี เวลาประมาณ 12.05 น. (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) และเมื่อสำเร็จการฝึกอบรมตามหลักสูตรแล้วจะต้องเดินกลางกลับประเทศไทยด้วยสายการบินเดียวกัน จากท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี ในวันที่ 17 มีนาคม 2559 เวลาประมาณ 13.45 น. (ระบุให้ check in ก่อนเวลา 12.45 น.) ถึงท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 19.20 น.(สงสัยตงิดๆ ว่าทำไมขากลับใช้เวลามากจัง???? อาจเป็นเพราะต้องเผื่อเวลาสำหรับการตรวจที่แสนจะเข้มงวดละเอียดยิบของท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี กระมัง???)

ระหว่างการฝึกอบรม ทางสถานทูตอินเดียจองตั๋วเครื่องบินไปกลับให้ ส่วนสถาบัน Aptech Ltd ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการฝึกอบรม เป็นผู้ดำเนินการจัดโรงแรมที่พักให้ ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงเดือนละ 25,000 รูปี (คิดเป็นเงินไทยเอา 2 หารโดยประมาณ)

การทัศนศึกษาดูงานนอกสถานที่ ในเอกสารหลักสูตรที่ผมสมัครเรียนระบุไว้ 3 เมืองดังนี้ ครับ  #เมืองเดลี  Delhi: the Red Fort, India Gate, Lotus Temple, Humayun's Tomb, Qutab Minar and the Taj Ghat.  #เมืองอัครา  Agra: Tajmahal, Agra Fort  #เมืองชัยปุระ  นครสีชมพู Jaipur: the pink city of Jaipur houses monuments and architectural wonders such as Hawa Mahal, Amber Fort, Jantar Mantar & Maharaja Palace
แต่ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งในอีกหลายเมืองที่ผมหมายหมั้นปั้นมือว่าจะต้องหาโอกาสไปเยือนให้ได้แม้จะต้องหาโอกาสวันหยุดแบคแพ็คเดินทางไปคนเดียวก็ตาม เช่นเมืองศรีนคร เมืองเลห์ ในแคว้นจัมมูร์และกัษมีร์ ซึ่งอยู่เหนือสุดของประเทศรวมทั้งเมืองอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกหลายเมืองทั่วประเทศ

ติดตามอ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ พี่ๆ หลายคงจะสงสัยว่าผมได้ทุนอะไรไปฝึกอบรมที่ประเทศอินเดีย???

สำหรับทุนการฝึกอบรมที่ผมได้รับนั้น คือทุน ITEC/SCAAP Programme รัฐบาลอินเดียได้ก่อตั้งโครงการ The Indian Technical and Economic Cooperation (ITEC) Programme ขึ้นเมื่อ 15 กันยายน 2507 ถือเป็นโครงการสำคัญยิ่ง (flagship) ในความพยายามให้ความช่วยเหลือทวิภาคีแก่รัฐบาลประเทศต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่มีขอบเขตครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางเท่านั้น (ดู partner countryhttp://itec.mea.gov.in/?1348%3F0) แต่ยังเต็มไปด้วยนวัตกรรมในการให้ความร่วมมือด้านเทคนิคใหม่ๆ มีวิชาการฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ หลากหลาย ไม่เฉพาะแต่ในเรื่องของภาษาอังกฤษและด้านไอทีเท่านั้นนะครับ มีทั้งด้านการบริหาร ด้านการเกษตร ด้านการแพทย์ (ไม่มีด้านตำรวจหรือด้านความมั่นคงนะครับ) ฯลฯ ดูรายละเอียดหลักสูตรต่าง ๆ ได้ตาม url นี้ ครับ http://itec.mea.gov.in/?pdf3967%3F0 หากเพื่อนๆ พี่ๆ สนใจสามารถดูรายละเอียดได้เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ http://itec.mea.gov.in/ หรือกรอกใบสมัครได้ด้วยตนเองที่ url:https://itecgoi.in/meaportal/homepage หลักสูตรด้านภาษาอังกฤษและไอที มีสถาบัน Aptech Ltd เป็นผู้รับผิดชอบ ดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.aptech.worlwide.com หรือ www.aptech-globaltraining.com

ใครบ้างที่มีสิทธิ์ขอรับทุน ITEC/SCAAP Programme จากเอกสารคู่มือที่ผมได้รับ ผู้มีสิทธิ์ขอรับทุนมีดังนี้ครับ Official in Government, Public Sectors, Universities, Chambers of Commerce and Industry, etc.

จะขอรับทุนได้อย่างไร ในส่วนของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ปี 2558 เป็นปีแรกที่สถานทูตอินเดียมีหนังสือแจ้งการให้ทุนมายัง ศอ.บต. ซึ่ง ศอ.บต.จึงได้มีหนังสือเวียนแจ้งหน่วยในพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์กำลังพลสมัครขอรับทุน ผมทราบเรื่องนี้และสมัครขอรับทุนตั้งแต่เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายน 2558 ส่วนปีหน้าใครที่สนใจก็รอฟังข่าวนะครับ ส่วนเพื่อน ๆ พี่ๆ ที่อยู่นอกเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลองติดต่อที่ฝ่ายการศึกษาสถานทูตอินเดียดูนะครับ หมายเลขโทรศัพท์ 02-2580300-5 ขอให้โชคดีครับ

Sunday, December 13, 2015

"ปอแก้ว" พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของรัฐกลันตัน


มาเลเซียกำลังเร่งผลักดันให้เกษตรกรในรัฐกลันตันปลูกพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เพื่อทดแทนการปลูกยาสูบในอนาคต โดยรัฐบาลกลางมาเลเซียเริ่มเปิดตัวพืชเศรษฐกิจที่ว่านี้ในเขตพื้นที่อำเภอยือลีก่อนเป็นอำเภอแรก (อำเภอยือลี รัฐกลันตัน ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มีคลองบาโอ๊ะ หรือแม่น้ำสุไหงโกลก กั้นกลาง) จากนั้นจึงจะขยายขอบเขตการสนับสนุนไปยังอำเภออื่น ๆ ของรัฐกลันตันต่อไป



ซึ่งในวันนี้ (13 ธ.ค.2558) เวลาประมาณ 09.00-12.00 น.  ผมได้มีโอกาสร่วมเดินทางติดตามไปกับคณะพัฒนาการจังหวัดนราธิวาส, หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนราธิวาส, นายอำเภอสุไหงโกลก, นายกเทศบาลตำบลโละจูด, นายก อบต.โละจูด  พร้อมด้วยนายสันต์ มะตาเฮ ปลัดอาวุโสอำเภอแว้ง ฯลฯ ร่วมกิจกรรมพิธีเปิดตัวพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ดังกล่าวของรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียที่บ้านบูกิตบุหงา อำเภอยือลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย  



พืชเศรษฐกิจตัวที่ว่านี้คือ “ปอแก้ว” ซึ่งจะนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องเช่น เชือก กระสอบป่าน รวมทั้งบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ  ในงานมีการจัดซุ้มนิทรรศการ ผลิตภัณฑ์จากปอแก้วประเภทต่างๆ 



โดยมีดาโต๊ะ สะรี มุสตาปา มูฮัมมัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประเทศมาเลเซีย ซึ่งท่านมีภูมิลำเนาเป็นคนในพื้นที่อำเภอยือลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี (อารมณ์ประมาณนายหัวชวน หลีกภัย กลับมาทำพิธีเปิดในจังหวัดตรัง หรือนายบรรหาร ศิลปอาชา กลับมาทำพิธีเปิดในจังหวัดสุพรรณบุรี)



 หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดตัว “ปอแก้ว” คณะเดินทางจากประเทศไทยได้ถ่ายรูปร่วมกับท่านรัฐมนตรีฯ และเยี่ยมชมนิทรรศการในบริเวณงาน จากนั้นได้ร่วมประทานอาหารมื้อเที่ยงกับเจ้าภาพ 



กิจกรรมระหว่างประเทศตามแนวชายแดนในลักษณะนี้มีบ่อยครั้ง บางครั้งฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพเชิญฝ่ายมาเลเซียมาร่วมงาน ครั้งนี้ฝ่ายมาเลเซียเป็นเจ้าภาพฝ่ายไทยก็ไปร่วมงาน ข้าราชการรวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยหรือมาเลเซียมีการไปมาหาสู่กันแบบนี้เป็นปกติ



ภาพถ่าย: เปาะดัง เทศบาลบูเก๊ะตา

Sunday, December 6, 2015

ดอกไม้หลากสี



ในนามของ “secularism” จำเป็นไหมที่เราต้องปฏิเสธความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม?  

ในโลกแห่งความเป็นจริง หากเราจะพิจารณา ดอกไม้งามหลากสีหลากชนิดนานาพันธุ์ในแจกัน หรือแม้แต่ในสวนหย่อมย่อมคงความงดงามทรงคุณค่ากว่าดอกไม้ซึ่งดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพังเพียงดอกเดียวหรือมีสีสันหรือชนิดหรือประเภทเดียว ความงามอันลึกซึ้งเกิดจากการผสมผสานกันระหว่างสีสันและความหลากหลายหาใช่การอยู่อย่างปัจเจก...

RevolverMap