Monday, April 12, 2010
ไทย – เขมร – เวียดนาม ผนึกกำลังหอการค้า - สถานฑูตอังกฤษ สร้างเครือข่ายป้องเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ
Sunday, April 11, 2010
ครูเสดไม่เคยสิ้น
โลก" ที่เกิดปัญหาอีรุงตุงนังทุกวันนี้ บางทีมีเหตุปัจจัยหลาย ๆ ประการที่ซ่อนอยู่อย่างเร้นลับจนเราเองคาดไม่ถึง...
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ชาติมหาอำนาจใช้ความได้เปรียบในทุก ๆ ด้าน ข่มเหงรังแกชาติที่ด้อยกว่า...??
เพื่อแย่งชิงทรัพยากร และวางหมากสำคัญในการเมืองและยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นอย่างกว้างขวาง การต่อสู้ของผู้ที่ด้อยกว่า ต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจึงเป็นไปในลักษณะที่ไม่เท่าเทียมกัน
ในทางการทหาร เราเรียกการต่อสู้หรือสงครามที่มีลักษณะนั้นว่า "สงครามอสมมาตร" (Asymmetric Warfare) สงครามแบบนี้เกิดขึ้นทั่วไป ทุก ๆ สถานที่ที่ความไม่เป็นธรรมยังไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยา ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนหนึ่ง ก็เป็นผลสืบเนื่องมาจากความไม่เป็นธรรมที่ว่านี้
ผมได้รับฟอเวิร์ดเมล์จากกัลยาณมิตรท่านหนึ่งนานแล้ว เห็นว่าน่าสนใจดีสำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจศึกษาความเป็นไปของโลก จึงนำมาลงไว้เผื่อใครมีความคิดดี ๆ จะได้แชร์กัน...
"ครูเสดไม่เคยสิ้น"
ผ่านไปแล้วหลายปีสำหรับเหตุการณ์เครื่องบินถล่มตึกเวิร์ลเทรดกลางเมืองนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ด้วยตัวเลขว่า 9/11 ในวันเกิดเหตุ ผู้คนทั่วทั้งโลกต่างตื่นตระหนกตกใจที่ได้เห็นภาพเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่พุ่งชนตึกสูงระฟ้าจนถล่มลงมาจากมุมมองต่าง ๆ เหมือนกับได้ชมภาพยนตร์ที่ถูกเขียนบทไว้และมีการกำกับอย่างดี
หลังจากคลายอารมณ์ตกใจและได้เห็นภาพดังกล่าวจนชินตาจากการที่สื่อยักษ์ใหญ่ของโลกนำมาแพร่ทางโทรทัศน์ครั้งแล้ว ครั้งเล่านานนับสัปดาห์ ความสงสัยและคำถามต่าง ๆของผู้คนก็ติดตามมามากมายจนถึงทุกวันนี้ อาทิ
เป็นไปได้อย่างไรที่เครื่องบินโดยสารถูกจี้จากสนามบินพร้อมกันถึง 3 ลำ ?
เป็นไปได้อย่างไรที่กองทัพอากาศของสหรัฐที่ทันสมัยในด้านการสื่อสารและทรงพลัง อำนาจพร้อมที่จะปฏิบัติการในทุกพื้นที่ทั่วโลกได้ทันทีที่ได้รับคำสั่งไม่ สามารถสกัดกั้นเครื่องบินที่ถูกจี้ทั้งสามลำได้ทั้ง ๆ ที่ได้รับการแจ้งเตือนแล้ว ?
ถ้าสมรรถภาพของกองทัพอากาศสหรัฐไม่สามารถสกัดเครื่องบินโดยสารที่ถูกจี้ไป สหรัฐอเมริกาจะเหลืออะไรถ้าศัตรูคิดจะโจมตีสหรัฐ ? และคุ้มไหมกับภาษีจำนวนมากมายมหาศาลที่ชาวอเมริกันจ่ายไปเพื่อกองทัพ ?
ตึกเวิร์ลเทรดถล่มลงมาในลักษณะเหมือนกับถูกระเบิดทำลายจากภายในได้อย่างไรใน เมื่ออุณหภูมิเผาไหม้ของน้ำมันเครื่องบินไม่เพียงพอที่จะละลายเหล็กเสาตึก ได้ ?
เป็นไปได้อย่างไรที่ประธานาธิบดียอร์จ ดับเบิลยู บุช รู้ว่าอุซามะฮฺ บินลาดิน เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและขณะนั้นเขาอยู่ในอาฟกานิสถาน ?
จริงหรือ..?? ที่ผู้ก่อการร้ายพยายามจะโจมตีสหรัฐอเมริกาจนรัฐบาลต้องออกกฎหมายรักชาติ ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐบาลดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์หรือบุกจู่โจมเพื่อตรวจ ค้นบ้านของชาวอเมริกันได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น ? ประธานาธิบดีบุชอ้างว่าพวกผู้ก่อการร้ายเกลียดชังเสรีภาพ แต่ทำไมชาวอเมริกันต้องสูญเสียสิทธิเสรีภาพถึงขนาดนี้ ?
ยิ่งรัฐบาลสหรัฐตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว ปรากฏว่า แทนที่จะได้รับคำตอบ กลับมีคำถามต่างๆเพิ่มขึ้นมากมายจนทุกวันนี้ก็ยังตอบไม่ได้หมด และคำตอบที่ได้ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอ อีก ทั้งสิ่งที่พอจะเป็นเบาะแสความจริงอย่างเช่นบันทึกข้อมูลการติดต่อสื่อสาร ระหว่างนักบินกับหอบังคับการในกล่องดำก็ไม่มีการนำมาเปิดเผยทั้ง ๆ ที่กล่องดำมิได้ถูกไฟไหม้ แต่ขณะที่ฝุ่นของซากตึกเวิร์ลเทรดยังไม่ทันจะจาง โลกก็ได้ยินเบาะแสอย่างหนึ่งจากถ้อยคำของประธานาธิบดี ยอร์จ บุช ที่หลุดคำว่า “สงครามครูเสด” ออกมาในคำปราศรัยจนบรรดาที่ปรึกษาต้องออกมาแก้ต่างให้เป็นพัลวัน
คำพูดเป็นสิ่งที่สะท้อนความคิดหรือความในใจลึก ๆ ของคนที่พูด ถึงแม้ที่ปรึกษาจะออกมาช่วยกันแก้ต่างอย่างไรก็ตาม แต่ความในใจของประธานาธิบดียอร์จ ดับเบิลยู บุชก็สะท้อนออกมาให้โลกได้เห็นแล้วเมื่อเขาส่งกำลังทหารเข้าโจมตีอัฟกานิสถาน โดยเชื่อมั่นว่าอุซามะฮฺบินลาดินอยู่ที่นั่นโดยที่ยังไม่มีการสอบสวน
สงครามครูเสดคืออะไร ?
“ครูเสด” คือ สงครามที่เกิดขึ้นในช่วงสมัยกลางโดยคริสตจักรคาธอลิกในยุโรปตะวันออกต่อพวกนอกศาสนาหรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ “มุสลิม” นั่นเอง ทั้งนี้เพราะความศรัทธาของบรรดามุสลิมขัดกับคำสอนของคริสตจักร สงครามครูเสดเริ่มมีขึ้นครั้งแรกโดยโป๊ปเออร์บันที่ 2 ใน ค.ศ.1095 และดำเนินต่อมาเป็นสงครามใหญ่ถึง 8 ครั้ง กินเวลานานถึง 175 ปี และสมรภูมิของการต่อสู้ทุกครั้งล้วนอยู่ในดินแดนตะวันออกกลางทั้งสิ้น
เป้าหมายของสงครามครูเสดตามที่อ้างก็คือการยึดดินแดนปาเลสไตน์ที่ชาวคริสเตียน ถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นดินแดนแห่งการเดินทางไปแสวงบุญของพวกตน กลับคืนมา โป๊ปได้ประกาศว่าดินแดนแห่งนี้ถูกพวกนอกศาสนายึดครอง แต่วาระการเมืองที่แอบแฝงอยู่เบื้องหลังก็คือความต้องการจะโจมตีสกัดกั้นมิให้รัฐอิสลามขยายตัวลึกเข้าไปในยุโรปมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากในเวลานั้น อิสลามได้แผ่ขยายไปถึงประตูเวียนนาและฝรั่งเศสแล้ว ดังนั้น คริสตจักรจึงเกิดความหวั่นกลัวว่าอิสลามจะแผ่ขยายมากไปกว่านั้นอีก
สงครามครูเสดครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1270 และโลกก็คิดว่าสงครามครูเสดคงเสร็จสิ้นลงไปแล้ว แต่เมื่อวันที่ 9ธันวาคม ค.ศ.1917 เมื่อนายพลอัลเลนบีแม่ทัพอังกฤษเข้าเมืองเยรูซาเล็มหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาได้กล่าวว่า “สงครามครูเสดได้สิ้นสุดแล้ว”
ครูเสดสิ้นสุดจริงหรือ ?
คำพูดดังกล่าวบ่งบอกให้โลกรู้ว่าผู้นำและขุนศึกในชาติตะวันตกยังคงฝังใจอยู่กับคำ ว่า “ครูเสด” ไม่เสื่อมคลาย แม้รัฐคิลาฟะฮฺ ภายใต้การปกครองของสุลต่านแห่งออตโตมานจะถูกชาติมหาอำนาจตะวันตก ฉีกเป็นประเทศเล็กประเทศน้อย และตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองของชาติมหาอำนาจตะวันตกมายาวนาน แต่ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา กระแสเรียกร้องการปกครองแบบอิสลามในประชาคมมุสลิมกำลังหวนคืนกลับมาอีกจนคำ ว่า “ครูเสด” หลุดออกมาจากปากของประธานาธิบดียอร์จ ดับเบิลยู บุช
(รัฐคิลา ฟะฮฺคือรัฐที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลามโดยมีคัมภีร์กุรอานเป็นธรรมนูญ มีผู้นำสูงสุดที่เรียกว่า “คอลิฟะฮ์” หรือ "กาหลิบ")
ในคำปราศรัยครั้งหนึ่ง ประธานาธิบดียอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้กล่าวว่า “พวกเขา (มุสลิม) หวังที่จะสถาปนาอุดมการณ์ทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นมาทั่วตะวันออกกลางซึ่ง พวกเขาเรียกว่า “คิลาฟะฮฺ' ซึ่งทุกคนจะต้องถูกปกครองตามอุดมการณ์ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของพวกเขา ข้าพเจ้าไม่ยอมที่จะให้สิ่งนี้เกิดขึ้นและไม่มีประธานาธิบดีอเมริกันคนใดจะยอมให้มันเกิดขึ้น”
หลังจากโจมตีอาฟกานิสถานเพื่อไล่ล่าอุซามะฮฺ บินลาดินโดยใช้ถ้อยคำที่สวยหรูว่า “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย” แล้ว รัฐบาลสหรัฐก็ส่งกำลังทหารเข้าโจมตีและยึดครองอิรักทั้ง ๆ ที่ชาติพันธมิตรอื่น ๆ คัดค้าน
นายดิค เชนีย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐสายเหยี่ยวผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายต่างประเทศของสหรัฐได้ให้เหตุผลในการโจมตีอิรักซึ่งคนไทยไม่เคยได้ยิน ว่า “อิรักจะเป็นฐานของรัฐคิลาฟะฮฺอิสลามใหม่ที่จะขยายตัวไปทั่วตะวันออกกลางและ จะเป็นการคุกคามรัฐบาลตามกฎหมายในยุโรป อาฟริกาและเอเซีย”
Friday, April 9, 2010
การฝึกอบรมหลักสูตร “Cyber Crime Management Consultation”
เมื่อระหว่างวันที่ 8 มีนาคม – 12 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเดินทางไปฝึกอบรมหลักสูตร “Cyber Crime Management Consultation” ที่ศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพฯ เป็นหลักสูตรการฝึกอบรมที่สนับสนุนโดยสำนักงานรักษาความมั่นคงทางการฑูต สถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย (The Antiterrorism Assistance Program Bureau of Diplomatic Security, U.S.Department of State - ATA)
วิทยากรเป็นเจ้าหน้าที่ของ ATA 3 คน มี Mr.Michele Webber จนท.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ Mr.Gary Kessler ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ด้าน IT และ Mr.Mack Fischer (อดีตแฮกเกอร์มือฉมัง) จนท.สถานฑูตสหรัฐฯ
เนื้อหาของหลักสูตรมุ่งเน้นเกี่ยวกับการสร้างหน่วยสืบสวนสอบสวน และตรวจพิสุูจน์นิติวิทยาศาสตร์ด้าน Cyber และ IT ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อีกทั้งการดำเนินคดีต่อผู้ต้องหานั้นจะหาพยานหลักฐานทางดิจิตอลได้จากที่ใดบ้าง มีวิธีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างไร รวมทั้งความเป็นกลางและความเป็นอิสระในการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน ฯลฯ
พอพูดถึง “นิติวิทยาศาสตร์” หลาย ๆ คนก็อาจคิดเลยไปถึง คุณหมอยอดนักสืบท่านหนึ่ง ที่พยายามทำตัวเป็นดาวเด่นออกมาเป็นข่าวตามหน้าสื่อต่าง ๆ อยู่เสมอ ๆ ทำตัวเป็นทั้้่งนักสืบ เป็นทั้งหมอ เป็นทั้งผู้ชำนาญการด้านนิติวิทยาศาสตร์แขนงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องครอบจักรวาล คุณหมอเธอคงจะดูมินิซีรี่ส์ชุด “C.S.I” มากเกินไป
ผมได้พูดคุยสอบถามวิทยากรทั้ง 3 ท่าน ว่า “หน่วยสืบสวนสอบสวนที่่เป็นทั้งตำรวจนักสืบ เป็นทั้งผู้ตรวจพิสูจน์ทางด้านนิติวิทยาศาสตร์อย่างในมินิซี่รี่ส์ “C.S.I” นั้น มีจริงหรือไม่ ?
ก็ได้รับคำตอบยืนยันว่า เป็นเพียงเรื่องสมมุติในหนังเท่านั้น หน่วยที่มีทั้งอำนาจสืบสวนสอบสวน และอำนาจในการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นเป็นหน่วยที่มีอำนาจมากเกินไปจนน่ากลัว
โดยหลักการคานอำนาจ จะต้องแบ่งอำนาจให้อยู่กันคนละหน่วย ในอเมริกา หน่วยตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ก็เป็นตำรวจนั่นแหละ แต่แบ่งแยกไว้คนละหน่วยเพื่อป้ัองกันข้อครหาที่จะฝ่ายสืบสวนไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน พอมองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย กลายเป็นว่า มีคุณหมอบางท่านอยากจะเป็นซุปเปอร์แมน ทำเองทุกเรื่อง อยากเป็นนักสืบด้วย บอกได้เลยว่า ผิดหลักการครับ
Tuesday, April 6, 2010
ลิงสองตัว
ผมได้รับอีเมล์จากกัลญาณมิตรท่านหนึ่งเมื่อวานนี้ อ่านดูแล้วเห็นว่าน่ารักดี จึงนำออกมาเผยแพร่ต่อ ขอบคุณ คุณ “master_pol799@hotmail.com” ที่ส่งอีเมลให้ครับ…
“…ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เองขณะตะลอนอยู่ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ผมได้เจอ"ลิงกัง"สองตัว แต่อยู่กันคน (ตัว) ละสถานภาพ...
...ลิงตัวแรก เป็นลิงกังเผือกเพศผู้ อายุประมาณ 4-5ปี เจ้าของชื่อนายตอและ ยาแม อายุ 33 ปี เป็นชาวบ้านกาเยาะมาตี ต.จะกั๊วะ อ.รามัน จ.ยะลา อาชีพรับจ้างกรีดยาง ได้วางกับดักได้ลิงเผือกตัวนี้ที่เทือกเขาบูโดเมื่อประมาณ ต้นปี 2552
...ลิงตัวที่สอง เป็นลิงกังเพศผู้เช่นเดียวกันอายุประมาณ 6 ปี มีชาวบ้านนำมาให้ตำรวจ ที่ฐานฯนปพ.บ้านช่องแมว สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อปลายปี 2552 ในสภาพบาดเจ็บแขนหัก พ.ต.อ.วัลลพ จำนงค์อาษา ผกก.สภ.สายบุรี ส่งไปรักษาที่รพ.สัตว์ปัตตานี เป็นเวลากว่า 2 เดือนถึงจะหายเป็นปกติ
...ลิงตัวแรก ตอนจับได้มาใหม่ ๆ พอชาวบ้านทราบข่าวต่างแห่กันมาจากทั่วทุกสารทิศเพื่อดู"ลิงเผือก" ของแปลกที่ถูกขังไว้ในกรงเหล็กอย่างดี วันละหลายพันคน หมู่บ้านกาเยาะมาตี จากที่เคยเงียบเหงาห่างไกลชุมชนเมือง กลับมาคึกคักเกิดตลาดนัดชุมชน สร้างรายได้ให้ประชาชนสวนกระแสไฟใต้ที่กำลังลุกโชน
...ลิงตัวที่สอง พอรักษาหายจากอาการบาดเจ็บ ผู้กำกับฯ วัลลพ ส่งให้ไปอยู่ในการเลี้ยงดูของ ส.ต.ต.ยุทธพล พรมดาว สายตรวจ นปพ.บ้านช่องแมว เหมือนเดิม เนื่องจากนิสัยค่อนข้างจะดุ ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ คนที่จะบังคับมันได้มีแต่ หมู่ฯ ยุทธพลคนเดียว เนื่องจากเป็นคนที่เจอครั้งแรกในสภาพบาดเจ็บ
...ลิงตัวแรก พอกระแส "ลิงเผือก" เริ่มซาลงชาวบ้านเลิกเห่อ เจ้าของต้องนำไปออกงานโชว์ตัวตามสถานที่ต่างๆ โดยมี"ตู้รับบริจาค"วางอยู่หน้ากรงเหล็ก ภาพนี้บันทึกได้ขณะ ของแปลกมีลมหายใจ เดินได้ ถูกนำมาโชว์ตัวในงาน เปิดอาคารที่ทำการอำเภอไม้แก่น จ.ปัตตานี หลังใหม่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
...ลิงตัวที่สอง หลังจากถูกนำกลับมาเลี้ยงอยู่ในฐานฯนปพ.บ้านช่องแมว ได้สักพักมันเริ่มคุ้นเคยกับเครื่องแบบตำรวจนปพ.สีเขียวขี้้ม้า คลายอาการดุลงไปเยอะ เนื่องจากตำรวจทุกคนต่างเอาใจเป็นอย่างดีโดยมี นมไวตามิลล์ เป็นสื่อนำทาง
...ลิงตัวแรก คล้ายกับจะคุ้น ๆ เชื่อง ๆ เนื่องจากถูกขังอยู่ในกรงมานาน ยิ่งช่วงนี้ถูกนำออกงานนอกพื้นที่บ่อย ๆ รู้สึกว่ามันไม่ค่อยจะตื่นเต้นหรือตกใจกลัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่เจอในแต่ละวัน
...ลิงตัวที่สอง พอปรับสภาพตัวเองได้ หมู่ฯ ยุทธพล ผู้เลี้ยงดู มักนำขึ้นรถสายตรวจ นปพ.สายบุรี ออกลาดตระเวนในพื้นที่เป็นประจำ ที่นั่งประจำที่มันชอบมากที่สุดคือ บนหลังคา ที่มีไฟแว็ป ๆ
...ลิงตัวแรก หมดหวังในอนาคต นั่งจ้องกุญแจล็อค อันเขื่องที่จองจำเสรีภาพของมัน สุดปัญญาลิงที่ช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากพันธนาการได้
...ลิงตัวที่สอง ผู้กำกับฯ วัลลพ เริ่มเห็นแววลิงตัวนี้ ส่งเงินให้ลูกน้อง 1,000 บาท ไปตัดชุด นปพ.ให้เจ้าลิง บรรจุเข้าเป็นสายตรวจ ร่วมกับ นปพ.ชุดนี้ ในนาม "Monkey Police" ชื่อเรียกขาน "สันติสุข พรมดาว" โดยนามสกุลนั้นใช้ร่วมกับ หมู่ฯ ยุทธพล ผู้ที่เลี้ยงดู
...ลิงตัวแรก แม้จะอยู่ดีกินดีไม่อด ๆ อยาก ๆ เพราะทำเงินให้เจ้าของได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็อยู่เหมือนเหมือนไร้ศักดิ์ศรี
...ลิงตัวที่สอง จากเดิมที่ประชาชนในพื้นที่เคยหมางเมินกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พอมีเจ้าลิง"สันติสุข"มาอยู่ด้วย เริ่มมีคนเข้ามาทักทายด้วย แม้จะเน้นหนักไปทาง"ลิง"ก็ยังดี
...ลิงตัวแรก ความเป็นอยู่ดีเหมือนเดิม แล้วแต่นายจะส่งไปอยู่ที่ไหน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น โรงพักเกรด A เอ้ย ไม่ใช่ ..
...ลิงตัวที่สอง เริ่มเป็นขวัญใจของประชาชนในพื้นที่สายบุรี เพราะนอกเหนือจากจากหน้าที่หลักงาน"มวลชน"ในบทบาทของตำรวจลิงแล้ว มันยังไม่ลืมพื้นเพเดิม ยังคงช่วยเก็บมะพร้าวให้หลวงพ่อที่วัด และชาวบ้านทั่วไปที่มาร้องของ ค่าแรงขอแค่ไวตามิลล์ ขวดเดียว
...ลิงตัวแรก ยังอยู่ดีกินดีเหมือนเดิม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขนขาวมันแผล่บ เพราะนั่งอยู่แต่ในโรงพัก เอ้ย ไม่ใช่ ในกรงเหล็ก ไม่เคยลงพื้นที่ คอยหาเงินให้นาย(เจ้าของ) เป็นหน้าที่หลัก
...ลิงตัวที่สอง งานหนักขึ้นทุกวัน แต่ไม่ย้อท้อ นายไปไหน มันไปด้วย แม้ช่วยอะไรได้ไม่มาก แค่เห็นรอยยิ้มของผู้คนที่ผ่านทาง ก็ภูมิใจแล้ว ตอนนี้กลัวอยู่อย่างเดียวคือ พวก นัก...บ้องตื้นทั้งหลาย จะมาหาเรื่องกล่าวหา ผู้กำกับฯ ว่า ทรมานสัตว์
สรุป ...เรื่องเล่าของลิงสองตัวนี้ ท่านนึกถึงอะไรครับ..
ส่วนผม นึกถึง"จ่าเพียร"..
สวัสดีครับ..........”