Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Tuesday, December 31, 2013

เตือนสติ “civil war”

 

s50 22 03 2011 rwanda

มีคนปรามาสว่า  ผมไม่เข้าใจ ไม่รู้จัก "civil war"

ผมคงจะไม่ค่อยเข้าใจคำว่า "civil war" เท่าไหร่ตามที่มีใครบางคนได้กล่าวเอาไว้จริง ๆ เพราะ ทำงานอยู่ใน 3 จชต. มาตั้งแต่ปี 2542 จนกระทั้งปัจจุบัน เคยผ่านการทำงานในพื้นที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา และอีกหลาย ๆ พื้นที่มาก่อน เคยเสี่ยงเป็นเสียงตายมาก็หลายครั้ง ตอนนี้เป็นหัวหน้าโรงพักอยู่ในพื้นที่ แต่ผมก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี ถ้าหากจะมีใครกรุณาชี้แนะผมก็จะยินดีมากครับ (จริง ๆ แล้ว ใน 3 จชต.ก็ยังไม่ถึงขั้น "civil war" อยู่ดี)

เรื่องการรัฐประหาร ที่หลายคนบอกว่า เป็นเรื่องจำเป็นในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน ผมก็ขอเรียนให้ทราบว่า "....ทหารที่ออกมาไม่ได้มีความเป็นกลาง แต่อยู่ฝ่ายเดียวกับคู่ขัดแย้งอีกฝ่าย เมื่อรัฐประหารแล้วก็แต่งตั้งคนของตัวเองออกมาไล่ล่าอีกฝ่ายด้วยหลักกฎหมายที่บูดเบี้ยว บิดเบือน อย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าแก้ปัญหาด้วยรัฐประหารที่ผ่านมานับสิบครั้้งในประวัติศาสตร์ของชนชั้นปกคครอง

ขอถามต่อว่า แล้วปัจจุบันแก้ปัญหาไดัหรือยัง....?

การรัฐประหารก็เป็นแค่สันดานที่แก้ไม่หายของชนชั้นปกครองที่ไม่ยอมให้ประชาชนได้โตเป็นผู้ใหญ่เสียที เพราะเมื่อประเทศมีประชาธิปไตย ความเป็นประชาธิปไตยก็จะแปรผกผันกับอำนาจครอบงำประเทศ ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ที่สูบเลือดสูบเนื้อประชาชนกันอยู่ตลอดมาก็เท่านั้นเอง......

หนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง และป้องกัน "civil war" ได้ คือ กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายต้องทั่วถึง เท่าเทียม และเป็นธรรม ไม่สองมาตรฐาน (หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง ไร้มาตรฐาน) ธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อกฎหมาย ข้อบังคับ กฎระเบียบของสังคมไม่สามารถบังคับใช้ได้ เขาจะหันกลับไปใช้กฎธรรมชาติ และสัญชาติญาณดิบ (ให้นึกถึงสภาวะที่ไม่มีกฎหมาย ผู้คนไม่เคารพกฎหมาย ไม่สนใจว่าใครเป็นใครอีกแล้ว เหมือนครอบครัวที่ล่มสลาย พ่อไปทาง แม่ไปทาง ลูกไปทาง ลูก ๆ ทะเลาะกัน ฆ่ากันตายเพราะแย่งชิงผลประโยชน์กันเองในครอบครัว)

องค์กรอิสระต่าง ๆ จึงต้องปฏิบัติหน้าที่วินิจฉัย บังคับใช้กฎหมายอย่างมืออาชีพ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ผิดว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก ไม่ลำเอียง ไม่เลือกข้าง

ชนชั้นปกครองจะต้องไม่ปากว่าตาขยิบ ต้องรู้จักปล่อยวางให้ประชาชนของตัวได้เติบใหญ่ทางความคิด เร่งพัฒนาปลูกฝังแนวคิดประชาธิปไตย (จริง ๆ) ให้ประชาชนตระหนักรู้ในสิทธิและเสรีภาพของตัวเอง อำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน แต่ดูโลกบ้าง อย่าเห็นประชาชนเป็นลูกแหง่ เป็นของตายที่เลี้ยงบอนไซเอาไว้ไม่ปล่อยให้โตได้ด้วยตัวเอง หากศึกษาประวัติศาสตร์ "civil war" ต่างประเทศก็คงจะรู้ว่า ต้นสายปลายเหตุของ "civil war" มีทีมาจาก "ความอธรรม" ของชนชั้นปกครองเป็นหลัก สูบเลือด สูบเนื้อของประเทศชาติ ประชาชนมานานจนเคยตัว หัดปล่อยวางเสียบ้าง....

ถ้าทำไม้ได้.......

จะเอา "civil war" ก็เอาครับ ผมพร้อมแล้ว พวกคุณ ๆ ทั้งหลายล่ะพร้อมมั้ย ????

(หมายถึง พร้อมที่จะรักษากฎหมายนะครับ) ^^

RevolverMap