ที่มา: คมชัดลึก 21 พฤษภาคม 2550 23:39 น.
แกะรอยจับ 2 พันตรีกับ 14 นักรบมาเลเซียสังกัดทหารราบที่ 11 โผล่กลางกรุงเทพฯ เมื่อตำรวจไทยได้กลิ่นตามสะกดรอยจนพบพฤติกรรมต้องสงสัย นี่คือท่องเที่ยวหรือปฏิบัติการลับ
น่าสนใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับการปรากฏตัวของทหารหน่วยรบพิเศษ สังกัดทหารราบที่ 11 ประเทศมาเลเซีย 16 นาย ในโรงแรมใจกลาง กทม. โดยมี "นูรดิน มะเย็ง" ชาวไทยมุสลิมอยู่เคียงข้าง ก่อนที่ทั้งหมดจะถูกเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิด และนำมาสู่การจับกุมในเวลาต่อมา
บ่าย 3 โมง 40 นาที วันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีชาวมาเลเซีย 3 คน ได้แก่ นายซัมซุล ไรซาล บิน มูซา นายเช นอร์ บิน เช นอร์ และนายกามาไลซาร์ บิน โมห์ ราซาลี เข้าพักที่ห้อง 362 รร.นครพิงค์ เลขที่ 9/1 ซอยสามเสน 6 เขตพระนคร กทม.
สายข่าวตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) แจ้งเบาะแสให้ พ.ต.ต.ชัยพร บุญเจริญ สว.กก.ปส.1 ก่อนจะประสานต่อไปยังตำรวจสันติบาลเฝ้าติดตามสังเกตพฤติกรรม
ร.ต.อ.ณัฎฐ์พัชร์ โฆษิตเลิศ รอง สว.กก.3 บก.ส.2 กับ ด.ต.ทินกร พงษ์ศักดิ์ศิลป์ ผบ.หมู่ กก.3 บก.ส.2 เข้าตรวจสอบที่ รร.นครพิงค์ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
บ่ายโมงครึ่งวันรุ่งขึ้นนับตั้งแต่ชาวมาเลเซียกลุ่มแรกเข้าพัก มีชาวมาเลเซียอีกกลุ่มหนึ่ง 13 คน เมื่อรวมกับนูรดินซึ่งเป็นชาวไทยมุสลิมจึงเป็น 14 คน ทุกคนไว้ผมยาว ตามมาสมทบ ทั้งหมดเข้าพักที่ชั้น 4 แยกกันห้องละ 2 คน รวม 8 ห้อง ได้แก่ 406, 408, 410, 412, 416, 420, 424 และ 426 ส่วนชาวมาเลย์ 3 คนแรก ขอเปลี่ยนจากห้อง 362 มาเป็น 426 แทน
ตอนนี้ชาวมาเลย์ทั้ง 16 คน กับนูรดีน จึงพักอาศัยอยู่ชั้น 4 รร.นครพิงค์ ทั้งหมด !!!
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการก็คือ เย็นวันที่ 10 พฤษภาคม ทั้งหมดออกไปตัดผมสั้นจนเกรียนเหมือนกับทหาร ยกเว้นนูรดินที่ไถด้านข้างจนเกรียนปล่อยตรงกลางแล้วรวบเป็นจุกไว้ด้านหลัง
นอกจากทรงผมแล้วตลอดเวลาที่พักอยู่ใน รร.นครพิงค์ ทั้งหมดก็มีพฤติกรรมไม่ต่างจากทหารเลย คือ จัดเวรยามคอยสอดส่องบุคคลที่เข้าออกโรงแรม ขณะเดียวกัน ก็ตีสนิทกับพนักงาน โดยใช้ภาษาไทยที่กระท่อนกระแท่นในการสื่อสาร ตลอดจนเฝ้าจับจ้องมองแต่กล้องวงจรปิดของโรงแรม ?
เช้าวันที่ 11 พฤษภาคม ทั้ง 17 คน ออกจาก รร.นครพิงค์ โดยไม่ทราบว่าเดินทางไปไหนกันแน่ กว่าจะกลับก็ปาเข้าไป 5 โมงเย็น หลังจากนั้นก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ภายในห้อง แต่ก็ยังไม่วายจัดเวรยามคอยสังเกตความเคลื่อนไหวบริเวณห้องพัก...เช่นเดิม
8 โมงครึ่งของวันต่อมา ทั้งหมดออกจากโรงแรมอีกครั้ง ร.ต.อ.ณัฎฐ์พัชร์ จึงประสานพนักงานโรงแรมตรวจสอบในห้องพัก พบว่าทุกคนมีเสื้อผ้ามากันแค่คนละ 2 ชุด บุหรี่ และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังพบโล่สัญลักษณ์คล้ายเครื่องหมายเสือคาบดาบเป็นภาษามาเลเซีย ตั๋วเรือด่วนเจ้าพระยาไปลงท่าน้ำนนทบุรี เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2550 และตั๋วรถไฟจากสถานีรถไฟหัวลำโพงไป จ.กาญจนบุรี
คนกลุ่มนี้กลับเข้าห้องพักอีกครั้งตอน 11 โมงครึ่ง ก่อนจะเก็บตัวเงียบและออกไปอีกครั้งตอน 2 ทุ่มครึ่ง โดยเดินเท้าตรงไปที่ถนนข้าวสาร โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อย แล้วก็หายไปตลอดทั้งคืน กลับเข้าโรงแรมอีกทีตอนตี 4 ของอีกวัน
หลังจากกลับเข้าที่พักได้เพียงชั่วโมงเศษ ชาวมาเลเซียกับนูรดิน รวม 16 คน ออกจาก รร.นครพิงค์ โดยใช้รถแท็กซี่ 4 คัน เป็นยานพาหนะตรงไปสถานีรถไฟหัวลำโพง ร.ต.อ.ณัฎฐ์พัชร์ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา กระทั่งมีการประสานงานระหว่างตำรวจสันติบาล ตำรวจนครบาล และตำรวจรถไฟ เข้าควบคุมตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยชาวมาเลเซีย ขณะรวมกลุ่มอยู่ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง
ส่วนที่เหลืออีกคน ด.ต.ทินกร ควบคุมตัวได้ ขณะอยู่ในห้องพักเลขที่ 426 รร.นครพิงค์ ทราบชื่อภายหลังคือ นายซัมซุล ไรซาล บิน มูซา
14 พฤษภาคม พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. พล.ต.ท.ระพีพัฒน์ ปาละวงศ์ ผบช.ส. พล.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล ผบช.ปส. และทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ร่วมกันสอบปากคำผู้ต้องสงสัย โดยทราบชื่อทั้งหมด คือ นายซัมซุล ไรซาล บิน มูซา นายอับดุล ราฮิมบิน อับดุล ราห์มัน นายเชนอร์ บิน เช โนห์ นายทาจัล อานัว บิน กาเซ็ม นายกามาไลซาร์ บิน โมห์ ราซาไล นายการูดดิน บิน ไชริ นายดอนนี บิน มารักกัล นายรอมลิ บิน ฮัสซัน นายริคกี บิน มูลิง นายราฮิม บิน ยาห์ยา นายซูกรี บิน อาวัง นายซาดิง บิน ฮาซัง นายโมห์รูซี บิน อาวัง นายโมห์ริดวน บิน ซัลเลาะห์ นายโมห์ ซาเลฮูดิน บิน โอห์มาน นายโมห์ นาซิรัม บิน โมห์ ตาลิบ และนายนูรดิน มะเย็ง
ทั้งหมดอ้างว่าเข้ามาหางานทำใน กทม.ซึ่งขัดกับพฤติกรรมที่ตำรวจสันติบาลติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยอยู่ใน รร.นครพิงค์ ทั้งหมดมีเงินมากพอที่จะเช่าห้องพักแทบยกฟลอร์ แถมยังเดินทางไปไหนต่อไหนอีกหลายแห่ง
ระหว่างการสอบสวนมีการประสานไปยังสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย ซึ่งได้ส่ง พ.อ.ซาเฮร์ บิลอับดุลรเฮิด ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซีย เข้าร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย
น่าสนใจว่าเมื่ออยู่กับผู้ช่วยทูตทหาร ชาวมาเลเซียทั้ง 16 คน กลับให้การว่า "เป็นทหาร" และเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทย โดยระดับหัวหน้าหน่วย มียศ พ.ต.ถึง 2 คน ได้แก่ พ.ต.ซัมซุล ไรซาล บิน มูซา อายุ 33 ปี ถือหนังสือเดินทางเลขที่ A 15651181 และ พ.ต.อับดุล ราฮิม บิน อับดุล รามัน อายุ 35 ปี ถือหนังสือเดินทางเลขที่ A 17699787
เป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ทหารกลุ่มนี้ปรากฏตัวใน กทม.นั้น เป็นวันเดียวกับที่กลุ่มก่อการร้ายได้วางระเบิดและจ่อยิงหัวทหารรบพิเศษเสียชีวิต 7 นาย ใน จ.นราธิวาส
ภายหลังการจับกุมไม่มีการดำเนินคดีใดๆ และเจ้าหน้าที่ทูตมาเลเซียขอนำตัวทั้ง 16 คน กลับประเทศ !?!
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีหลักฐานว่าทั้งหมดมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ความวุ่นวายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่หน่วยงานด้านการข่าวเชื่อมั่นว่า การปรากฏตัวของทหารมาเลย์ทั้ง 16 คน ต้องมีเป้าหมายทำงานบางอย่างแน่นอน
ขณะที่ตำรวจระดับสูงในสันติบาล บอกกับ "คม ชัด ลึก" ว่า หลังจากควบคุมตัวทหารกลุ่มนี้แล้ว ได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย มาร่วมสอบปากคำพบว่า ทั้งหมดเดินทางเข้ามาประเทศไทยทางชายแดนภาคใต้ โดยมีนายนูรดินเป็นไกด์นำทาง ซึ่งชัดแย้งกับข้อมูลของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ที่มีหลักฐานว่าทหารมาเลย์กลุ่มนี้ เดินทางจากมาเลเซียเข้ามาโดยสายการบินนกแอร์มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ
แม้ในชั้นนี้จะยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ทหารมาเลย์กลุ่มนี้เข้ามาประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์ใด ทว่าท่าทีพิรุธนับตั้งแต่คำให้การที่ดูปกปิดซ่อนเร้น ลึกลับ ก็ยิ่งชวนให้สงสัยมากขึ้นเท่านั้น ?
No comments:
Post a Comment