Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Wednesday, July 27, 2011

ชาวบันนังสตาร้องกระทรวงยุติธรรมติดตามคนหาย

0000001213075878-FB8E-34979
ที่มา: ชาวบันนังสตาร้องกระทรวงยุติธรรมติดตามคนหาย
วันอังคาร ที่ 26 ก.ค. 2554

กระทรวงยุติธรรม 26 ก.ค.- ชาวบ้านบันนังสตา ร้องกระทรวงยุติธรรมคนหายจากหมู่บ้าน พาดพิงติดต่อไม่ได้หลังจากถูกเรียกตัวเข้าไปที่ค่ายตำรวจพลร่มในพื้นที่ พร้อมร้องขอดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษและให้การคุ้มครองพยานในคดี

น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และนายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทนายความมุสลิม ในฐานะผู้ประสานงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย น.ส.นูรอามาณีย์ อูมา อายุ 24 ปี ชาวบ้านบ้านตือระ หมู่ 8 ต.บันนังสตา จ.ยะลา ภรรยานายอิบรอเฮง กาโฮง และญาติของนายดุลหามิ มะแร ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนหนึ่ง เข้าพบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ร้องเรียนขอให้ช่วยติดตามกรณีนายอิบรอเฮง ซึ่งเป็นสามี ได้หายตัวไปพร้อมกับเพื่อนตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากไปตามเรือที่ถูกตำรวจตระเวนชายแดน (ค่ายนเรศวร) บ้านสันติ 1 ต.เขื่อนบางลาง หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าค่ายตำรวจพลร่ม เนื่องจากน้องสาวของผู้สูญหายแจ้งให้ญาติทราบว่าได้เห็นบุคคลทั้งสองขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในค่ายตำรวจพลร่ม และก่อนที่จะเข้าไปได้เข้าพบผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยติดตาม และจะเดินทางล่วงหน้าไปในค่ายก่อน ระหว่างทางยังพบกับเพื่อนบ้านที่สามารถเป็นพยานยืนยันได้ว่าบุคคลทั้งสอง เข้าไปในค่ายตำรวจพลร่มจริง แต่หลังจากนั้นทางบ้านก็ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้น ญาติจึงได้เข้าแจ้งกับมูลนิธิศูนย์ทนายมุสลิม และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ สภ.บันนังสตา เพื่อให้ช่วยติดตามสามีและเพื่อนสามี

น.ส.นูรอามาณีย์ กล่าวว่า ขณะนี้ผ่านมากว่า 3 เดือนแล้ว หน่วยงานในพื้นที่โดยเฉพาะ ศอ.บต.ได้แจ้งให้ทั้ง 2 ครอบครัว ทราบโดยยอมรับว่าบุคคลทั้งสองสูญหายจริง แต่ไม่เปิดเผยข้อเท็จจริงว่าหายไปได้อย่างไร

ตนและญาติผู้สูญหายเกรงว่าการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อาจไม่ต่อเนื่อง จึงได้เข้ามาร้องทุกข์กับกระทรวงยุติธรรมและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ และให้ความคุ้มครองญาติ เพราะเกรงเรื่องความไม่ปลอดภัย ซึ่งทางญาติต้องการทราบว่าบุคคลทั้งสองยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

ด้าน น.ส.พรเพ็ญ กล่าวว่า ระหว่างปี 2546-ปัจจุบัน มีรายงานผู้สูญหายในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้จำนวน 35 ราย ซึ่งทั้งหมดที่สูญหายไป ไม่สามารถติดตามตัวได้แม้แต่รายเดียว โดยปี 2546 พบชาวบ้านสูญหายไปถึง 27 คน ต่อมาจำนวนผู้สูญหายมีเฉลี่ยปีละ 1-2 คน ซึ่งถือว่าลดลง ทั้งนี้ อาจเกิดจากการมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน บังคับใช้ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐสามารถเรียกตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนข้อเท็จจริงได้ ทำให้สถานการณ์การหายไปของบุคคลมีจำนวนน้อยลง จากการลงพื้นที่พบว่าญาติและครอบครัว และชุมชนที่ใกล้ชิดกับคนที่หายไปโดยเฉพาะบุคคลทั้ง 2 รายนี้ อยู่ในอาการหวาดกลัวอิทธิพลเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จึงอยากให้กระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอให้ความคุ้มครองพยาน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ศอ.บต. และศูนย์ปฏิบัติงานชายแดนใต้ของดีเอสไอได้ตรวจสอบสำนวนการสอบสวนจาก สภ.บันนังสตาและกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้ติดตามคดีดังกล่าว พบว่าคดีมีมูลความจริง และอยู่ระหว่างการสอบสวนซึ่งขณะนี้ใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว ในส่วนกระทรวงยุติธรรมที่มีศูนย์ประสานงานภาคใต้และดีเอสไอที่เป็นหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม จะให้คณะกรรมการกองทุนยุติธรรมเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้จากเจ้าหน้าที่อีกทางหนึ่งเพื่อหาทางเยียวยาเบื้องต้นกับญาติ โดยตนจะมอบหมายให้คณะอนุกรรมการติดตามผู้สูญหายและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้รวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อประสานขอเอกสารทางคดี

พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีดังกล่าวญาติต้องการให้เป็นคดีพิเศษและขอได้รับความคุ้มครองพยานนั้นจำเป็นต้องแจ้งให้ดีเอสไอรับคดีไว้ก่อน และเนื่องจากคดีดังกล่าวมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐคือตำรวจพลร่ม แม้ว่าทาง สภ.บันนังสตาจะรับเรื่องไว้สอบสวนแล้ว แต่ตนจะประสานไปที่ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้กำกับดูแลพื้นที่ภาคใต้ให้กำชับไปยังหน่วยงานภายใต้สังกัดอีกครั้ง ส่วนกระทรวงยุติธรรมจะให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นกับครอบครัวผู้สูญหาย 3 ประเด็น คือ การความคุ้มครองพยานที่ยังไม่กล้าเข้าให้ปากคำกับตำรวจ การเยียวยาญาติ และการผลักดันให้เป็นคดีพิเศษ เพื่อชาวบ้านได้รับความเป็นธรรมและเข้าถึงความยุติธรรมที่แท้จริง.-สำนักข่าวไทย

No comments:

Post a Comment

RevolverMap