Leh in my memory...

As we are entering the new era, where nations are becoming one community, I, as well as my PTI 27th session’s member friends have the mutual vision that we, and other friends of the Asia-Pacific nations, will become closer than ever.
ยินดีต้อนรับสู่โลกใบเล็กของผม โลกของคนทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตในวัยเด็กผมเคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นสถาปนิก แต่เมื่อยามต้องเลือกทางเดินของชีวิต ผมกลับเลือกที่จะสวมเครื่องแบบสีกากี โดยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเหล่าตำรวจ หลังสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ผมเลือกลงบรรจุรับราชการในตำแหน่งพนักงานสอบสวนที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ชีวิตราชการวนเวียนโยกย้ายอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดมา ถึงแม้จะอยู่ห่างไกลจากศูนย์อำนาจรัฐ และการทำงานในหลายโอกาสอาจพบพานกับอุปสรรคภยันตรายต่าง ๆ บ้าง แต่ที่นี่คือ “บ้าน” ผมจึงยังทำงานอยู่ที่นี่ ทุกวันนี้ผมมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เสมอ...

Saturday, November 28, 2009

"ไซออนิสต์" ลัทธิก่อการร้ายโลก


ไซออนิสต์

กล่าวนำ

ทุกวันนี้ เมื่อพูดถึงการก่อการร้าย สิ่งแรกที่ทุกคนจะนึกถึงและวาดมโนภาพล่วงหน้าเอาไว้ในใจก็คือ ภาพของชายชาวอาหรับมุสลิมสวมหมวกสีขาวไว้เคราอย่างนายอูซามะฮ บินลาเด็น ผู้ก่อการร้ายอันตรายอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งอันที่จริงการที่ใคร ๆ จะคิดอย่างนั้นก็คงไม่แปลก เพราะอิทธิพลสื่อยักษ์ใหญ่ของชาติมหาอำนาจตะวันตก ได้ใช้พลังอำนาจในทุก ๆ ด้าน โหมโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้คนเสพสื่อเข้าใจว่า ลัทธิก่อการร้ายมาจากชาวอาหรับและคำสอนของศาสนาอิสลาม

สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีอิสลาม เห็นได้อย่างชัดเจน จากภาพยนต์ฮอลลีวู้ดหลายต่อหลายเรื่องที่นำออกฉายก่อนเกิดเหตุการณ์ 911 รวมทั้งการปฏิบัติการข่าวสาร (Information Operation:IO) ทำลายศาสนาอิสลามทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความชอบธรรมก่อนการบุกประเทศอิรัก แต่ในขณะเดียวกันแผนการเพื่อการครอบงำ และทำลายโลกที่น่าสะพึงกลัวที่สุดเท่าที่เคยพบในโลกยุคใหม่นี้ กลับไม่มีใครที่จะระแคะระคายล่วงรู้ถึงภยันตรายของมันได้เลย เว้นแต่ผู้ที่ได้ติดตามศึกษามันอย่างพินิจพิเคราะห์ และได้ใคร่ครวญอย่างละเอียดถี่ถ้วนถึงภัยคุกคามที่เกิดขึ้นทั่วโลก เมื่อนั้นเขาก็จะประจักษ์ถึงแผนการร้ายของยิวที่ต้องการจะครองโลก บงการโลกแต่เพียงผู้เดียวโดยขบวนการก่อการร้ายที่มีชื่อว่า “ไซออนิสต์ (Zionist)

ความมุ่งหมาย

บทความนี้ ต้องการจะอธิบายถึงการก่อการร้ายที่น่าสะพึงกลัวที่สุดในโลกยุคใหม่ที่กระทำโดย "ชาวยิว" ที่เป็นสมาชิกของ “ขบวนการไซออนิสต์” ซึ่งได้กระทำทารุณกรรม เข่นฆ่าสังหารชาวปาเลสไตน์อย่างเหี้ยมโหด การรุกรานขยายดินแดนด้วยการเข่นฆ่าและขับไล่ชาวอาหรับและปาเลสไตน์ได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรู้เห็นเป็นใจและการให้ความสนับสนุนจากประเทศมหาอำนาจตะวันตกมาโดยตลอด ขณะเดียวกันเราจะต้องไม่ลืมชาวยิวผู้บริสุทธิ์ใจที่ยอมรับสิทธิของชาวปาเลสไตน์ในแผ่นดินของพวกเขา และอยากที่จะเห็นสันติภาพที่ทำให้คนทั้งสองกลุ่มอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ  theodor-herzl
"ลัทธิไซออนิสต์" หรือ "องค์การไซออนิสต์" (Zionist) ยุคใหม่ ก่อตั้งโดยนายธีโอดอร์ เฮอร์เซิล  ด้วยเจตนาที่จะรื้อฟื้นสิ่งที่พวกเขาคิดว่า เป็นแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้เป็นการเฉพาะแก่พวกยิว (แผ่นดินแห่งพันธสัญญา)  (Theodor Herzl: เกิดที่บูดาเปส ปี ค.ศ.1860 แล้วย้ายไปอยู่ที่กรุงเวียนนา ในปี ค.ศ.1895 เสียชีวิตในเมือง โอลาค เมื่อ 2 ก.ค. 1904 ศพของเขาถูกย้ายไปยังปาเลสไตน์และฝังที่นั่น) 

เพื่อสานต่อแนวคิดไซออนิสต์ในอดีต “เฮอร์เซิล” ได้จุดประกายความฝันให้กับชาวยิวทั้งโลกด้วยหนังสือชื่อว่า “Der Judenstaat” หรือ “The Jewish State” ที่ฉายภาพ “รัฐยิว” ในจินตนาการให้คนยิวและชาวโลกได้เห็น สิ่งที่เขาเน้นในหนังสือเล่มนี้คือ "ชาวยิว" จะต้องรับโทษประหัตประหารหรือตามเข่นฆ่าอยู่เสมอ ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้มีประโยชน์ต่อประเทศชาติที่เขาอาศัยอยู่เพียงใดก็ตาม นอกเสียจากว่าชาวยิวจะมีประเทศเป็นของตนเอง ภาพร่างการก่อกำเนิดประเทศยิวของเฮอร์เซิล คือ รวบรวมและอพยพชาวยิวไปยังดินแดนหนึ่ง และทำสัญญากับมหาอำนาจในยุโรปเพื่อประกันสิทธิในดินแดนนั้น รวมทั้งต้องมีองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการอพยพ และตั้งถิ่นฐานใหม่นี้ด้วย และองค์กรที่ว่านี้คือ “ไซออนิสต์” นั่นเอง

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวยิวถึงได้มีความคิดอันยิ่งใหญ่เช่นนั้น ?

สำหรับพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่ทำให้เกิดแนวความคิด แผนก่อการร้ายเพื่อที่จะครองโลกนั้นคือ

1. ยิวมีทัศนะว่ารูปแบบของการปกครองบนโลกทั้งหมดนั้น "ใช้ไม่ได้" จำเป็นต้องเพิ่มการบ่อนทำลายไปจนถึงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อก่อตั้งอาณาจักรยิว

2. การปกครองมนุษย์ คืองานอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ความคิดของมนุษย์ยังขาดความประนีต เพราะฉะนั้น การปกครองมวลมนุษย์จึงเป็น "หน้าที่" ของชนชาติยิว

3. มนุษย์ทั่วไปนอกจากชาวยิวจะต้องถูกปกครองเสมือนฝูงสัตว์ที่ต่ำต้อย ถูกต้อน (ถูกปกครอง)

4. ล่อลวงมนุษย์ด้วยตันหาราคะ และแพร่ความชั่วช้า ความเสื่อมโทรม จนกระทั่งประชาชาติต่างนองเลือดกันเอง และไม่มีทางเลือกใด ๆ นอกเสียจากจะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของชาวยิว

5. บรรดา ชาวโลกนอกจากยิว โดยเฉพาะพวกผู้นำ ก็คือหมากรุกในมือของพวกเขาที่จะต้องควบคุมให้ได้โดยการข่มขู่ ล่อลวง ให้ผลประโยชน์ ผู้หญิง ตำแหน่งต่าง ๆ ฯลฯ

6. สร้างวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อโลกจะได้เกิดความวุ่นวาย แล้วก็หันไปขอความช่วยเหลือการปัดเป่าความโศกเศร้า และทำให้คนสิ้นคิดมีความสุขด้วยอำนาจของยิว

7. สื่อทุกชนิดจะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของยิว ไม่ว่าจะเป็นสื่อการพิมพ์ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ โรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงละคร บริษัทผลิตภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ ศาสตร์แขนงต่าง ๆ กฏหมาย การลงทุนและตลาดหุ้น ฯลฯ

8. ขอความช่วยเหลือจากทองคำ ซึ่งยิวได้กักตุนมันไว้ เพื่อขจัดจิตสำนึก ทำลายมนุษย์ และครอบครองโลกทั้งหมดไว้

ผู้นำไซออนิสต์ยุคใหม่ ได้จัดประชุมครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.1897 จนถึงปี ค.ศ.1951 ถึง 23 ครั้งด้วยกัน กำหนดเป้าหมายเพื่อศึกษาแผนการต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การก่อตั้งอาณาจักรไซออนิสต์สากล โดยมีแผนยุทธศาสตร์ 3 ขั้น คือ

1. ก่อนตั้งรัฐอิสราเอลในปาเลสไตน์
2. ระหว่างตั้งรัฐอิสราเอลในปาเลสไตน์
3. หลังตั้งรัฐอิสราเอลในปาเลสไตน์

การขับเคลื่อนองค์กรของลัทธิไซออนิสต์ ในการไปสู่จุดหมายตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ขั้นตอนนั้นจะต้องสร้าง “คน” โดยการคัดเลือกกลุ่มเยาวชนยิวที่มีคุณภาพดีที่สุด เข้าสู่ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพมากที่สุด ส่งเสริมกลุ่มเยาวชนยิวที่มีคุณภาพการศึกษาดีที่สุด เข้าสู่กระบวนการอุดมศึกษาที่ดีที่สุดในโลก (ฮาวาร์ด, เคม บริดจ์, ออกซ์ฟอร์ด , เอ็มไอที ฯลฯ) สนับสนุนและส่งเสริมกลุ่มเยาวชนยิวที่มีคุณภาพเหล่านี้เข้าทำงานในหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการเมืองและเศรษฐกิจของทั้งยุโรปและอเมริกา และของโลก (UN, FBI, CIA ฯลฯ)

ถ้าจำเป็นก็ให้กำจัดคู่แข่งของเยาวชนยิวเหล่านี้ทุกวิถีทาง โดยใช้อิทธิพลทางการเมืองและทางเศรษฐกิจที่เยาวชนยิวรุ่นก่อน ๆ ได้สร้างสมไว้ หากมองเพียงผิวเผินก็เป็นลักษณะรุ่นพี่สนับสนุนรุ่นน้องให้เติบโตตามสายงานธรรมดา ๆ แต่เมื่อวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งแล้วจะพบว่า เป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเต็มไปด้วยพลังอำนาจ มีการใช้อิทธิพลทั้งทางการเมือง และทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวางและรุนแรง เพื่อเป็นหลักประกันว่า กลุ่มเยาวชนยิวที่มีคุณภาพจะได้ที่นั่งที่ดีที่สุดรุ่นต่อรุ่น

เพื่อการครอบครองโลกอย่างเบ็ดเสร็จ พวกยิวยังมีความพยายามในการที่จะควบคุมระบบการเงิน การคลัง การธนาคาร ให้อยู่ในกำมือของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาจึงคิดสร้างเครื่องมือเพื่อควบคุมระบบการเงิน การคลัง การธนาคารไว้ทั้งหมด โดยการพยายามจัดตั้งองค์การทางการเงินที่สำคัญระดับโลกไว้คอยควบคุมระบบการ เงิน การคลัง การธนาคารทั้งระบบ เช่น ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการฟื้นฟูบูรณะและการพัฒนา หรือธนาคารโลก (International Bank for Reconstruction and Development/World Bank) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund/IMF) เป็นต้น

หากเราจะพิจารณาลึกลงไปอีกก็จะพบว่ามีชาวยิวหลายคนควบคุมระบบการเงิน การคลัง การธนาคารของโลก เช่น นายอลัน กรีนสแปน อดีต ผู้ว่าการธนาคารชาติอเมริกา (แม้ในปัจจุบันก็ยังมีบทบาทอย่างสูง) นายจอร์จ โซรอส ยิวอเมริกันพ่อมดการเงินระดับโลก ที่เข้ามาถล่มค่าเงินบาทไทยจนเศรษฐกิจไทยแทบล่มสลาย ซึ่งตัวนายจอร์จ โซรอส เอง ก็ประกาศเจตนารมย์อย่างชัดเจนว่าจะบริจาคผลกำไรที่ได้ทั้งหมดจากการถล่ม ค่าเงินบาทไทย ไปเพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนยิวในยุโรปตะวันออก เป็นต้น

สื่อในอเมริกาปัจจุบันเกือบทั้งหมดเป็นของยิว อาทิเช่น นิตยสารไทม์ เดลี่ เทเลกราฟ วอชิงตันโพสต์ ดิอิโคโนมิสต์ รวมทั้งบริษัทสร้างภาพยนต์ต่าง ๆ ฯลฯ หมายความว่ากระบวนการรับรู้ข่าวสารของอเมริกันชนและยุโรปทั้งหมด ถูกปิดหูปิดตาด้วยโฆษณาชวนเชื่อ และสร้างภาพให้ดูให้รู้สึกโดย “ขบวนการไซออนิสต์” ซึ่งพัฒนาไปไกล และยิ่งใหญ่กว่า "CIA" หรือ "FBI" หรือแม้แต่ “รัฐชาติ" (Nation State) ไปมากแล้ว นั่นก็คือการดำเนินชีวิตประจำวันของอเมริกันชน ผิวขาว ผิวดำ ผิวสี ในปัจจุบัน เป็นไปเพื่อรับใช้ยิวโดยไม่รู้ตัว

ไซออนิสต์ มีสมาคมและองค์กรทั้งลับและไม่ลับอีกเป็นจำนวนมากทั้งในยุโรปและอเมริกา และตามภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก (สโมสรไลออนส์, สโมสรโรตารี่) ปฏิบัติงานในทุก ๆ ด้าน แม้ว่าบางครั้งอาจจะมองว่าขัดแย้งกัน แต่ธาตุแท้แล้วทั้งหมดนั้นเป็นการจัดฉากแสดงละคร เพื่อผลประโยชน์ถาวรของยิวโลกทั้งสิ้น

บทเรียนในเรื่องความฉลาดของยิว ได้สอนให้เราเห็นถึง “ความฉลาด ที่ไร้คุณธรรม” หากเราคนไทยได้อ่านบทพระราชนิพนธ์แปลของล้นเกล้ารัชการที่ 6 เรื่อง "เวนิส วานิช" พระองค์ได้ทรงสอนคนไทยเราให้รู้จักยิวมาเกือบร้อยปีแล้วว่า แท้จริง “ยิว” นั้นเป็นอย่างไร?
รัฐบาล หรือกองทัพของบางประเทศที่ดำเนินนโยบายตามหลักนิยมชาติมหาอำนาจตะวันตกอย่างไม่มี เงื่อนไข ไม่บิดพลิ้ว ไม่ลืมหูลืมตา จนได้รับฉายา หรือคำเรียกขานว่า “Good Boy” จงสำเหนียกไว้ว่า กำลังนำอนาคตของชาติไปฝากไว้ในอุ้งหัตถ์ซาตาน รอวันเวลาที่จะสิ้นชาติ สิ้นแผ่นดิน

บทสรุป

จากร่องรอยหลักฐานที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ทำให้เราพอจะมองออกแล้วว่า ใครคือ "ภัยคุกคาม" หรือ "ผู้ก่อการร้าย" ตัวจริงของโลก พฤติกรรมต่าง ๆ ของรัฐอิสราเอล โดยมี "ขบวนการยิวไซออนิสต์" ชักใยอยู่เบื้องหลังนั้น ล้วนเป็นพฤติกรรมของการก่อการร้าย ที่นิยมการใช้ความรุนแรงและแนวทางสุดโต่งเป็นพื้นฐาน เป็นเผด็จการอำนาจนิยมอย่างแท้จริง โลกจะต้องรู้เท่าทันองค์การก่อการร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคนี้ให้ได้ ถ้าหากพวกเรายังนิ่งเฉย ไม่คิดหาวิธีการหรือกระบวนการที่เหมาะสม ไว้เพื่อต่อกรกับ ขบวนการไซออนิสต์ แล้ว เชื่อแน่ว่าภายในไม่เกินหนึ่งร้อยปีจากนี้ไป พวกเราจะมีสภาพไม่แตกต่างไปจากชาวปาเลสไตน์นั่นเอง

แผนบันได 7 ขั้น ของผู้ก่อความไม่สงบ

มัสยิดกรือเซะ 
"ประวัติศาสตร์มักเขียนโดยผู้ชนะเสมอ.."
"ผู้ใดชนะสงคราม ผู้นั้นเขียนประวัติศาสตร์"


ประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อกอบกู้เอกราชรัฐปัตตานี ที่คนไทยได้มีโอกาสศึกษาและสัมผัสในปัจจุบัน เนื้อหา รายละเอียดเป็นมุมมองของ "สยาม" ผู้ชนะสงครามในอดีต  ผู้เขียนย่อมต้องเขียนในมุมมองที่เข้าข้างตัวเอง.... "ปัตตานี" คือผู้ที่แพ้สงคราม จึงจำต้องก้มหน้าก้มตา "สู้" เพื่อชะตากรรมของตัวเอง...

เปรียบเทียบกับ "ตัวเรา" บ้าง หากไม่มี "สมเด็จพระนเรศวร มหาราช" หรือ "สมเด็จพระเจ้าตากสิน" กู้ชาติ กู้แผ่นดินกลับคืนให้คนไทยแล้ว ปัจจุบัน จะมีสภาพอย่างไร... เชื่อแน่ว่า จะมีคนไทยกลุ่มหนึ่ง ร่วมมือกันซ่องสุมกำลังเพื่อต่อสู้ ปลดแอกคนไทย ให้พ้นจากการยึดครองของศัตรู...

ย้อนกลับมาดูความเคลือนไหวของ องค์กรกู้ชาติรัฐปัตตานี กัน...
ปัจจุบัน องค์กรกู้ชาติรัฐปัตตานี ได้ขับเคลื่อนการต่อสู้ตามแผนการปฏิวัติ 7 ขั้นตอน (แผนบันได 7 ขั้น) เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เตรียมคน จัดตั้งองค์กรควบคุมคน ขยายเครือข่ายและสมาชิก กำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติอย่างแอบแฝง อำพราง ปกปิด เร้นลับ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของการสถาปนารัฐปัตตานี

ความหมายของแผนปฏิวัติ 7 ขั้นตอน (บันได 7 ขั้น)

แผนปฏิวัติ 7 ขั้นตอน หรือแผนบันได 7 ขั้น ได้มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์มาตั้งแต่ พ.ศ.2535 โดยมุ่งหวังที่จะยึดกุมเยาวชนเป็นกลุ่มปฏิบัติการ ทั้งทางการทหาร ประชาสัมพันธ์ และการโฆษณาชวนเชื่อ อันเป็นจุดเด่นที่สำคัญของแผนงานนี้

แผนปฏิวัติ 7 ขั้นตอน หรือแผนบันได 7 ขั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ขั้นที่ 1 – ขั้นที่ 5 เป็นห้วงของการจัดตั้งและดำเนินงาน สร้างความพร้อมของคน องค์กร และอุดมการณ์ ส่วนที่ 2 ขั้นที่ 6 – ขั้นที่ 7 เป็นขั้นการปฏิวัติเพื่อความสำเร็จของการกู้ชาติรัฐปัตตานี


ตามความหมายของแต่ละขั้นตอน

ขั้นที่ 1 “สร้างจิตสำนึกมวลชน” หรือจิตสำนึกร่วมโดยการปลุกระดมมวลชนตามยุทธศาสตร์  “ชาติ ศาสนา มาตุภูมิ” ให้ผู้ที่ถูกเก็งตัวเพื่อเข้าเป็นสมาชิกมีจิตสำนึกในความเป็นชาวมลายู ที่นับถือศาสนาอิสลาม และความเป็นชาติ “รัฐปัตตานี” ในอดีตที่ถูกรัฐบาลสยาม (ไทย) มายึดครอง ทุกคนจะต้องสำนึกและต้องลุกขึ้นต่อสู้ปลดปล่อยดินแดนคืนจากการยึดครอง

ขั้นที่ 2 “จัดตั้งมวลชน” เป็นการจัดตั้งแนวร่วม ทั้งเยาวชนภายในและภายนอกสถานศึกษา รวมทั้งประชาชนทั่วไป บางมัสยิดมีการอ่าน “คุตบะห์” (เทศนา/สั่งสอน) ขณะละหมาดในวันศุกร์ สอดแทรกอุดมการณ์ในโอกาสต่างๆ ใช้เงื่อนไข ชาติ ศาสนา มาตุภูมิ ความไม่เป็นธรรม มีผลให้ผู้ฟังคล้อยตามให้ความร่วมมือสนับสนุน หากไม่สนับสนุนก็วางเฉยไม่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐ หากขัดขวางก็กำจัดทิ้ง

ขั้นที่ 3 “จัดตั้งองค์กร”
โดยจัดตั้งองค์กรอำพรางในการปฏิบัติ ทั้งเพื่อการควบคุมมวลชน และแหล่งเงินทุนต่าง ๆ

ขั้นที่ 4 “การจัดตั้งกองกำลัง”
ในการต่อสู้กับกลไกรัฐ มี 3 ระดับ คือ

เยาวชน ทหาร เป็นทหารบ้านที่ผ่านการฝึกพื้นฐาน/ขั้นต้น หรือ เป็นกองกำลังที่อยู่ประจำหมู่บ้าน ตามภูมิลำเนาโดยเฉพาะในหมู่บ้านสีแดง ทั้งนี้ เป้าหมายที่จะจัดตั้งกองกำลังดังกล่าวให้ได้ 30,000 คน

เยาวชน คอมมานโด คัดเลือกสมาชิกจากกลุ่มเยาวชนทหาร นำไปฝึกในขั้นที่สูงขึ้น สมาชิกระดับคอมมานโดเป็นกองกำลังที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการก่อเหตุร้าย หลายลักษณะ ทั้งการลอบยิง ลอบวางระเบิด รวมทั้งการซุ่มโจมตี เพราะได้รับการฝึกตามยุทธวิธีหน่วยทหารขนาดเล็ก RKK (Runda Kumpulan Kecil) และยุทธวิธีด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม
เยาวชนคอมมานโดดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะจัดตั้งให้ได้ 3,000 คน แบ่งความรับผิดชอบ เขตงานละ 1,000 คน 

และ กองกำลังระดับผู้เชี่ยวชาญ เป็นผู้ควบคุมกองกำลังคอมมานโดหรือทำหน้าที่ครูฝึก บางคนผ่านการฝึกมาจากต่างประเทศ มีขีดความสามารถสูง เคยผ่านการปฏิบัติจริงมาแล้ว มีจิตใจต่อสู้เพื่อองค์กรอย่างแน่วแน่ เป้าหมายกำหนดไว้ 300คน มีทั้งคัดเลือกจากเยาวชนคอมมานโด และผ่านการฝึกจากต่างประเทศ

ขั้นที่ 5 “อุดมการณ์ชาตินิยม”
ใน การปฏิบัติของขั้นนี้ มุ่งเน้นการสร้างอุดมการณ์ความเป็นชาติพันธุ์เดียวกัน (มลายู) ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยมุสลิม ที่ดำรงสถานะ/อาชีพใด

ขั้นที่ 6 “เตรียมพร้อมปฏิวัติ”
เป็นการก่อเหตุร้ายทุกรูปแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนกับการแตก/กระจายของดอกไม้ไฟ  “จุดดอกไม้ไฟแห่งการปฏิวัติ” โดยกำหนดให้ปฏิบัติในปี 2547 คล้ายกับเป็น “วันเสียงปืนแตก” ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในอดีต  ทั้งนี้ยังมีคำกล่าวที่คล้ายคลึงอีกว่า “ในปี 47 จะเป็นปีที่ดอกลองกองผลิดอกออกพร้อมกัน”

ขั้นที่ 7 “จัดตั้งการปฏิวัติ” หรือ “ก่อการปฏิวัติ”
เป็นแผนงานที่เดิมกำหนดจะกระทำในปี 2548 แต่ด้วยความไม่พร้อมของจำนวนกองกำลัง และจำนวนแนวร่วม ซึ่งอาจจะหมายรวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ จึงไม่สามารถดำเนินการได้ตามแผน และมีความเป็นไปได้ว่าขยายไปอีก 2 ปี ข้างหน้า ภาพก่อการปฏิวัติที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเป็นภาพการต่อสู้ของนักต่อสู้เพื่อรัฐปัตตานี ที่ทำการโจมตีด้วยกองกำลังต่อกลไกรัฐเต็มพื้นที่ จชต. ซึ่งขณะโจมตีจะติดตั้งธงรัฐปัตตานีควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สื่อมวลชนแพร่กระจายข่าวไปทั่วโลก และหวังผลต่อการเข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวโดย UN เช่น ติมอร์ตะวันออก หรือประเทศอื่น ๆ จนท้ายสุดเป็นการลงประชามติของประชาชนว่า จะเป็นประชาชนของฝ่ายใด ซึ่งประเด็นสำคัญสุดท้ายนี่เองที่กลุ่มก่อความไม่สงบประเมินแล้ว ความไม่พร้อมของมวลชนที่ซึ่งเป็นปัจจัยชี้ขาด จึงต้องขยายเวลาการก่อการปฏิวัติออกไป

แผนปฏิวัติ 7 ขั้นตอน นับเป็นแผนแม่บทที่ระดับนำขององค์กรกู้ชาติรัฐปัตตานี นำไปเผยแพร่ ชี้นำ ให้กับสมาชิกระดับสำคัญขององค์กรทราบ เป็นระยะ ๆ ตลอดมา จึงนับได้ว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ทุกหน่วยงาน ต้องศึกษาวิเคราะห์ เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวคิด/แนวทางปฏิบัติสำหรับตอบโตทำลายแผนดังกล่าว มิให้ขับเคลื่อนไปได้อย่างเป็นรูปธรรม

RevolverMap